Moss หรือ มอส – สรวัชร์ บุญพรม อดีตโปรเพลย์เยอร์ RoV แห่งทีม Bacon Time กำลังเริ่มต้นเส้นทางใหม่ บนความเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่อกระโดดจากผู้เล่นสู่โค้ชในวัย 27 ปี
อะไรทำให้เขาตัดสินใจมุ่งสู่หน้าที่โค้ช มุมมองของเขาในวันที่ต้องก้าวไปเป็นโค้ชเปลี่ยนไปแค่ไหน ตัวตน และการเป็นโค้ชในแบบ Moss เป็นอย่างไร ONE Esports ขอพาคุณค้นหาทุกคำตอบไปพร้อมกัน
- แพ้จนทีมแตก/แชมป์2สมัย/ขอสู้อีกครั้ง : Summer ความหวังใหม่ EVOS
- รอโค้ชกักตัว! Tony เผย Talon ยังต้องจูนเพิ่ม แม้ชนะรวด2 นัด
8 ปี บนเส้นทาง MOBA
“ผมไม่เคยคิดว่า ตัวเองจะเปลี่ยนมาเป็นโค้ชเร็วแบบนี้ด้วยซ้ำ”มอส เกริ่นนำกับ ONE Esports ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญจากโปรเพลย์เยอร์สู่การเป็นโค้ช RoV ของทีม Bacon Time บ้านหลังเก่าที่ผูกพันธ์มานาน
สำหรับแฟนเกม Realm of Valor หรือ RoV ชื่อของ Moss เป็นที่คุ้นหูรู้จักกันดี เขาคือหนึ่งในผู้เล่นซัพพอร์ตฝีมือดีที่สุดของวงการ RoV ของไทย เคยโลดแล่นจนถึงเวทีชิงแชมป์โลกมาแล้ว แต่การเดินทางครั้งใหม่ของ มอส เริ่มต้นนับหนึ่งอีกครั้ง เมื่อตัดสินใจรีไทร์จากการแข่ง และผันตัวสู่บทบาทโค้ช Bacon Time แทน
“จริงๆผมอยากลงเล่นอีกสักทัวร์นาเมนต์ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นโค้ช แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องลุย แต่ถ้าย้อนกลับไปตอนแรกเลย ผมไม่เคยมีความฝันอยากเป็นโปรเพลย์เยอร์ด้วยซ้ำ” มอส เท้าความกลับไปตั้งแต่สมัยเริ่มก้าวแรกบนเส้นทาง อีสปอร์ต
“โปรเพลย์เยอร์ไม่ใช่ความฝันแรกของผม ผมเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่ชอบเล่นเกม เราเก่งในหมู่เพื่อนๆเลยได้รวมทีมไปแข่งกับเขา”
“ผมเล่น MOBA มาตั้งแต่เด็ก ช่วงที่รวมทีมกับเพื่อนไปแข่งเกมๆหนึ่งแล้วแพ้ ถึงเราจะไม่ชนะ แต่วันนั้นผมรู้สึกสนุกกับการได้ลงแข่ง เราแพ้ แต่เราได้เรียนรู้หลายอย่างคิดว่าอยากกลับไปแข่งอีกเลยลองหาทีมแข่งเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้”
“ผมเป็นคนชอบเอาชนะ ผมอยากชนะให้มากที่สุด ด้วยนิสัยนี้มันกลายเป็นแรงจูงใจให้ตัดสินใจที่จะจริงจังกับเกมมากขึ้น และส่งผลให้ผมตั้งใจเต็มที่กับเกมมาจนถึงวันนี้”
ตลอดเส้นทางสายเกมของมอส วนเวียนอยู่ในวงการ MOBA ตั้งแต่เริ่มต้น โดยย้อนกลับไปช่วงแรกเขาเริ่มสร้างชื่อเสียงจากเกม League of Legends หรือ LoL อีกหนึ่งเกม MOBA ชื่อดังที่เล่นกันทั่วโลก เขาสะสมประสบการณ์ในสังเวียนเล็กใหญ่และคว้าแชมป์หลายทัวร์นาเมนต์
เขายังเคยอยู่ทีมเดียวกับกลุ่มเพื่อน Bacon ยุคแรกๆอย่าง MeMarkz และ Cherie ภายใต้สังกัด Overwatch ของ 1st Esports ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนมาเล่นเกมชื่อดังที่เล่นกันทั่วโลกเช่นกัน นั่นคือ RoV
RoV เกมเปลี่ยนชีวิต
ช่วงปลายปี 2017 ค่ายเกมยักษ์ใหญ่ประเทศจีนอย่าง Tencent เปิดให้บริการ RoV ในไทยครั้งแรก และจะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ภายใต้มิติใหม่ของวงการ MOBA ผ่านมือถือ มอส ได้รับคำชวนจากเพื่อนในทีม Bacon ที่เวลานั้นแยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเบนเข็มสู่ RoV เต็มตัว
จากนั้น มอส กลับมารวมทีม Bacon อีกครั้ง และเริ่มประเดิมศึกใหญ่อย่าง Arena of Valor International Championship: Asia 2017 แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม มอส ยังคงมุ่งมั่นฝึกฝนอย่างหนักต่อไป เพราะเป้าหมายของเขายิ่งใหญ่ เมื่อมองไกลบันไดสู่แชมป์โลก
แม้พลาดท่าในศึก Arena of Valor International Championship: Asia 2017 มอส และ Bacon Time ไล่ล่าความสำเร็จต่อเนื่อง เมื่อคว้าแชมป์ RoV Major League 2017 และก้าวขึ้นไเป็นแชมป์โปรลีกทีมแรกของประเทศไทยเมื่อคว้าแชมป์ RoV Pro League Season 1 จากนั้น Bacon Time ถูกยกย่องให้เป็นทีม RoV ระดับตำนาน และเป็นที่ยอมรับในวงการอีสปอร์ตเมืองไทย
ผลงานคว้าแชมป์RoV Pro League Season 1 ทำให้ มอส และ Bacon ได้สิทธิ์เป็นตัวแทนไปแข่งขันเวทีระดับโลกอย่าง Arena of Valor World Cup หรือ AWC 2018 ที่เมืองลอส แองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะตัวแทนทีมชาติไทย แม้ไปไม่ถึงฝัน แต่ก็เป็นประสบการณ์ล้ำค่าที่ไม่มีวันลืม
“ความฝันจริงๆของผมคืออยากเป็นแชมป์โลก แต่ก็ได้แค่เฉียด” มอส เล่าถึงเป้าหมายสูงสุดสมัยเป็นโปรเพลย์เยอร์
“ตอนแรกความคาดหวังของผมก็แค่อยากชนะไปเรื่อยๆ แต่พอเราเก็บในประเทศได้หมดก็เลยอยากเป็นแชมป์โลกดูบ้าง แต่ก็ยังไม่สำเร็จ รายการนั้นใกล้แชมป์โลกที่สุดที่เกือบทำได้ ถึงจะทำไม่ได้ แต่มันทำให้เราได้เห็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ตอนนั้นเสียใจนะ เราหวังไว้เยอะว่า อยากได้แชมป์ พอไม่เป็นแบบที่คิดก็ผิดหวังสุดๆ”
“ตอนนั้นโลกมืดไปเลย” มอส กล่าวต่อด้วยความผิดหวัง “หลังจากนั้นผมไม่ได้จับ RoV ไปพักหนึ่งไม่อยากเข้าเกม ไม่อยากแม้แต่จะเห็นหน้าโหลดเกมไปหลายเดือน”
“แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนไม่ชอบแพ้ นิสัยไม่ยอมแพ้ของผมนี่ล่ะทำให้เรายังพร้อมกลับมาสู้ต่อ และคิดว่าทำได้ดีอยู่ อีกอย่างเรารู้สึกว่า เกมนี้มันยังสนุกอยู่”
บทเรียนหลังพลาดแชมป์โลก
นอกจากจะได้เห็นจุดบกพร่องของตัวเองจากความผิดหวังในศึกชิงแชมป์โลก มอส ยังมองว่า สิ่งสำคัญของโปรเพลย์เยอร์ทุกคนคือการเรียนรู้พัฒนาตัวเอง อย่ายอมแพ้เพื่อก้าวข้ามกำแพงที่เรียกว่า ขีดจำกัด ในสักวัน
“แน่นอนว่า การแข่งเกมทุกคนย่อมเคยเจอกำแพงของตัวเองที่เกิดขึ้นเรื่อยๆ…”
“มันเหมือนสิ่งที่เราต้องพิสูจน์ตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้นสิ่งที่ต้องทำคือ ศึกษาจุดผิดพลาด หาข้อแก้ไขว่า เราควรจัดการปัญหาที่เจออย่างไร”
“อย่างผมเมื่อก่อนในวงการ MOBA จะมีผู้เล่นตำแหน่งซัพพอร์ทที่ชื่นชอบมากๆสองคน วันๆผมแทบไม่ได้เล่นเกมหรือทำอะไรอย่างอื่นเลย นอกจากนั่งดูเขาเล่นว่าเล่นยังไง”
“ทุกๆวันพยายามศึกษาเอาข้อดีของเขามาปรับใช้ เวลาเราเจอสิ่งที่คิดเองไม่ออกก็ไปดูเขาแล้วมาทำดู ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าจะได้”
ทัศนคติที่ต้องพยายามให้มากกว่าเดิม วิเคราะห์หาจุดด้อยอย่างละเอียดเพื่อแก้ไข กลายเป็นสิ่งที่ยังติดตัว มอส จนถึงทุกวันนี้แม้จะไม่ได้เป็นโปรเพลย์เยอร์แล้วก็ตาม
สู่เส้นทางโค้ชในบ้านหลังเก่า
ก่อนหน้านี้ มอส ได้ย้ายจาก Bacon Time ไปร่วมทีม Evos Debut ช่วงต้นปี 2019 เพื่อลงเล่นในศึก RoV Pro League Season 3 ก่อนพาต้นสังกัดใหม่จบอันดับ 5 ของทัวร์นาเมนต์ และย้ายกลับสู่ Bacon Time อีกครั้งในปลายปีเดียวกัน
เวลานั้น Bacon Time เพิ่งกลับมารวมตัวอีกครั้งหลังหยุดแข่งไปนาน และกำลังจะประเดิมแข่งขันรายการแรกคือ Valor City Tour ภาคกลาง เพื่อลุ้นขึ้นไปเล่น ดิวิชั่น 1 มอส ภายใต้ชื่อ Pops Bacon Time ประเดิมด้วยการจบอันดับ 4 ใน RoV Pro League 2020 Summer
อย่างไรก็ตามช่วงเวลาเดียวกัน มอส เริ่มประสบปัญหาฟอร์มตก ซ้ำร้ายในศึก Arena of Valor International Championship หรือ AIC 2020 ทีม Bacon จอดป้ายตั้งแต่รอบแรก และเป็นช่วงที่ มอส เริ่มเบนเข็มสู่เส้นทางโค้ช
“ผมรู้ตัวว่า หลุดโฟกัสไปมากเล่นต่ำกว่ามาตรฐานจากที่เคยทำได้เมื่อก่อน ตอนนั้นเป็นช่วงที่ JJak เข้ามาเป็นโค้ชพอดี เขาก็พยายามปูทางให้เราเป็นโค้ชต่อมาตั้งแต่ตอนนั้น”
“JJak พยายามสอนงานโค้ชให้ผมว่า เราควรจะต้องทำอะไรบ้าง ผมปรับจากเล่นให้มาเป็นคนนั่งดูเกมมากขึ้น สลับกันลงเล่นมากขึ้น พอจบทัวร์นาเมนต์ AIC 2020 ทีมพูดคุยกับผมว่า อยากลองเปลี่ยนมาเป็นโค้ชไหม”
“ตอนแรกผมอยากเล่นอีกสักทัวร์นาเมนต์แล้วค่อยเป็น ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นโค้ชเร็วขนาดนี้หรอก ผมผมไปปรึกษาเพื่อนหลายคน ช่วงนั้นผมก็มีทีม MOBA อีกทีมติดต่อเข้ามาให้ไปแข่งมันเป็นช่วงที่กำลังตัดสินใจว่า จะย้ายออกจากทีม เปลี่ยนหาทีมใหม่หรือยังไงดี แต่เพื่อนส่วนใหญ่แนะนำว่า เป็นโค้ชดีที่สุดแล้ว ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนบทบาทมาเป็นโค้ช”
แม้จะเริ่มงานโค้ชเพียงเดือนเดียว แต่ มอส มั่นใจว่า เขามีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับ RoV ไม่เป็นสองรองใคร หลังโลดแล่นวงการ MOBA มาตั้งแต่อายุ 19 ปี
“ตอนหลังๆผมอาจจะฟอร์มไม่ดีก็จริง แต่ความรู้ของผมเกี่ยวกับ MOBA ทีแข่งมาตั้งแต่อายุ 19 จนถึง 27 ปี ก็เก็บประสบการมาหลายปี ผมคิดว่าประสบการณ์ของผมที่เก็บมายังมีอะไรอีกมากที่สามารถถ่ายทอดให้น้องๆได้”
“วันที่กำลังตัดสินใจเป็นโค้ช มีแต่คนแนะนำให้เป็น ผมเคยปรึกษาพี่เอก REDRUBY เขาเคยเป็นโค้ชของ Bacon มาก่อนก็แนะนำว่า เอาเลยลงมือทำเลย มันเป็นก้าวที่น่ากลัวสำหรับผมที่จะเปลี่ยนจากเพลย์เยอร์มาเป็นโค้ชในตอนนั้น”
“แต่ผมได้กำลังใจดีได้คำแนะนำที่ดีจึงกล้าที่จะตัดสินใจในวันนั้น”
มอส ก้าวสู่โค้ช Bacon Time เต็มตัว แต่เมื่อสถานะเปลี่ยน หลายสิ่งหลายอย่างย่อมเปลี่ยนไป งานโค้ชสอนให้เขาได้รู้ต้องทำงานหนักขึ้น และมองทุกอย่างกว้างขึ้น ต่างจากเดิมที่โฟกัสแค่ตัวเอง
หน้าที่โค้ชสอนให้ต้องโตขึ้น
“ตั้งแต่เป็นโค้ชก็ไม่ค่อยมีหัวเราะแล้วครับ เพราะเครียด(ฮา)” ช่วงแรกหลังผันตัวเป็นโค้ช มอส เผชิญปัญหาหลายด้านในการทำงานที่ยังไม่คุ้นชินเท่าไหร่นัก แต่ปัญหาที่เกิดแปรเปลี่ยนเป็นประสบการณ์ที่เขาสามารถหาวิธีจัดการเรื่องต่างๆ และทำให้ มอส เติบโตไต่เต้าบนเส้นทางใหม่ได้ราบรื่นขึ้น
“การเป็นโค้ชทำให้ผมต้องมองภาพรวมเยอะขึ้น เวลาซ้อมผมเป็นคนดูทำให้เราได้ทองภาพรวมตลอดทุกวัน ได้เห็นอะไรเยอะขึ้น ต่างจากตอนเป็นผู้เล่นที่เราเล่นอย่างเดียว แต่ก็ต้องเจอการทำงานที่หนักขึ้น”
“สำหรับผม การเป็นโค้ชมันอยากกว่าตอนเป็นผู้เล่น เราต้องทำงานกับคนด้วย แต่สิ่งนี้ผมยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ที่ผ่านมาผมก้มหน้าก้มตาเล่นเกมอย่างเดียวมากกว่า”
“ผมมองว่า ความท้าทายในฐานะโค้ชกับเพลย์เยอร์แตกต่างกัน” มอส กล่าวต่อ “โค้ชก็ท้าทายอีกแบบหนึ่งส่วนเพลย์เยอร์ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่บอกยากว่า แบบไหนท้าทายมากกว่ากัน”
“แต่สิ่งหนึ่งของการได้เป็นโค้ชมันทำให้ผมรู้สึกว่า เราได้เติบโตขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง”
สำหรับหน้าที่โค้ชยังสอนให้ มอส พบเจอการทำงานแบบใหม่ที่เขาเองต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควร นั่นคือการบริหารเวลา และทำงานกับคนในฐานะผู้นำมากขึ้น เขาต้องจัดการปัญหาโดยไม่ทำให้ลูกทีมหรือใครต้องรู้สึกแย่ ซึ่ง มอส ยอมรับว่า เป็นเรื่องยากสำหรับเขาในช่วงแรก
“การเป็นโค้ชมันเหมือนเป็นอีกหน้าที่หนึ่งไม่ใช่แค่ลงเล่นโฟกัสแค่พัฒนาตัวเอง เมื่อเปลี่ยนมาเป็นโค้ชเราต้องจัดการกับเวลา”
“ผมต้องคุยกับทุกคนในทีมว่า วันนี้เวลานี้เราจะทำอะไร เราจะพักเวลาไหนบ้างเหมือนเป็นการทำงานกับคน บางครั้งเราดูภาพรวมแล้วเห็นว่า คนนี้มีข้อผิดพลาดจุดเดิมเป็นประจำ เราก็ต้องพูดให้เป็นเพื่อให้เขาปรับปรุงโดยไม่รู้สึกว่า เรากำลังจับผิดเขา”
“ทุกอย่างเหมือนเป็นการทำงานอีกแบบหนึ่ง เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมแรกๆก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่พอผ่านไปตอนนี้ก็เริ่มลงตัว”
โค้ชในสไตล์ Moss
“โค้ชทุกคนมีทั้งข้อดีข้อเสียในตัวเอง ผมพยายามเอาข้อดีของโค้ชทุกคนมาปรับใช้กับตัวเอง” มอส กล่าวถึงการทำงานของตัวเองในบทบาทโค้ช RoV ของ Bacon
“สำหรับผมงานโค้ชอาจเพิ่มเริ่มต้นครั้งแรก แต่ผมไม่ได้เริ่มนับจากเลเวลหนึ่ง เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เป็นเพลย์เยอร์ ผมคอยศึกษาจากคนอื่นมาก่อน JJak เองก็สอนผมเยอะเหมือนกัน”
“โค้ชที่ดีในมุมของผม คือพยายามเป็นโค้ชที่คอยเสริมจุดเด่น กลบจุดด้อยลูกทีมไม่เปลี่ยนตัวตนเขาว่า ใครต้องเล่นอย่างไร แต่จะเพิ่มบางจุดแนะนำเขาว่ามันสามารถเพิ่มตรงนี้ได้พ ยายามแก้ไขเพื่อสิ่งที่ดีกว่าโดยไม่เปลี่ยนตัวตนพวกเขาเพื่อไม่ให้เสียความมั่นใจในตัวเอง และพยายามเพิ่มขีดจำกัดของทุกคนไปด้วย”
นอกเหนือจากทัศนคติที่กล่าวมา มอส ยังทำให้รู้ดีว่าอะไรควรทำไม่ควรทำเพื่อให้ทีมเดินหน้าต่อไปโดยไม่เสียสปิริต
“ก่อนหน้านี้ผมมีเรื่องอารมณ์ที่เป็นด้านลบ นี่คือสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นกับการเป็นโค้ชของตัวเอง ผมเคยมีเรื่องอารมณ์โมโหเหมือนกัน ซึ่งผมมองว่าไม่ดี พอเป็นโค้ชผมพยายามไม่ให้มีเรื่องนี้เกิดขึ้น รักษาบรรยากาศไม่ให้มีเรื่องนี้ในทีมด้วย”
ตลอดเส้นทางในวงการ MOBA มอส เคยร่วมงานกับโค้ชมาแล้วหลายคน แต่คนหนึ่งที่เขายกย่องให้เป็นต้นแบบของโค้ชที่เขาหวังอยากเดินรอยตามคือ Lantyr (อดีตโค้ชชาวไต้หวันผู้เคยพาทีม Bacon คว้ารองแชมป์โลก AWC 2018) ซึ่งเขาให้การยอมรับในวิธีการทำงานที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง
“ผมอยากเป็นโค้ชแบบโค้ชLantyr เขาเป็นโค้ชที่มีความคิดสร้างสรรค์ไม่เปลี่ยนตัวตนผู้เล่น”
“เขาพยายามสอนในจุดที่เราขาด การเป็นโค้ชในแบบของผมแค่คาดหวังให้ใกล้เคียงในแบบของโค้ชLantyr ให้ได้มากที่สุดก็พอแล้ว” มอส กล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
ไม่ฝันไกล
อย่างไรก็ตามหนทางเริ่มต้นงานโค้ชของ มอส ท้าทายด้วยการปรับทัพครั้งใหญ่ โดยดึงดาวรุ่งทั้ง Kimsensei ผู้เล่นในตำแหน่งมิดเลน และดัน MarkKy ผู้เล่นจากชุด Bacon Dream ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ สำหรับสู้ศึก Pro League 2021 Summer แต่ประสบการณ์บวกความคุ้นเคยการเล่นในแบบฉบับ Bacon ทำให้เขาสามารถปรับจูนทีมเข้ากัน และเริ่มต้นได้ดีพอตัว
มอส ประเดิมสัปดาห์แรกของการแข่งขัน Pro League 2021 Summer เมื่อเอาชนะ Buriram United Esports 3-0 และแพ้ทีมแชมป์เก่า dtac Talon Esports 2-3 พาทีมรั้งอันดับที่ 2 ของตาราง หนทางหลังจากนี้เขายังเจอความยากลำบากที่ถาโถมให้ มอส ต้องพิสูจน์ตัวเองบนเส้นทางโค้ช เพราะเป้าหมายแรกในงานโค้ชของเขาคือการพา Bacon คว้าแชมป์โปรลีก 2021
“เป้าหมายของผมอยากพาทีมชุดนี้เป็นแชมป์โปรลีกก่อน นี่คือเป้าหมายระยะสั้น ผมเชื่อว่าน้องๆทำได้”
“ส่วนระยะยาว ผมพยายามให้ทีมกวาดแชมป์เยอะที่สุด และคงบรรยากาศมาตรฐานทีมทุกอย่างให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คว้าแชมป์ให้กับทีมได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ผมจะพยายามใช้ประสบการณ์ที่เราเคยผ่านมาคอยแนะนำน้องๆว่า ถ้าเราอยากทำเร็จ เราต้องเริ่มสังเกตุจากจุดไหน ให้ใช้จุดไหนเป็นจุดสังเกตุเพื่อให้เราคิดง่ายขึ้นในเกม”
แชมป์โปรลีกอาจเป็นเป้าหมายที่ มอส ปักธงว่า เขาต้องทำมันให้ได้ แต่สำหรับแชมป์โลก ยังเป็นสิ่งที่ไกลเกินฝันที่เขาเองขอมองไปทีละขั้นเพื่อให้ทีมก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
“กับแชมป์โลกผมยังไม่เคยคิดขนาดนั้น อย่างที่บอกผมไม่คิดว่าจะเป็นโค้ชไวขนาดนี้ด้วยซ้ำ หวังไว้ว่าอีกสักปีค่อยเป็น แต่เมื่อเป็นแล้วก็ต้องลุย”
“ตอนนี้ผมอยากมองทีละขั้นพยายามไม่วางเป้าหมายไกลเกินไป มันค่อนข้างเปลืองสมอง ถ้ามองไกล แต่ไปไม่ถึงก็เสียเวลาคิดเปล่าๆ ผมมองว่า การเป็นโค้ชยังมีอีกหลายสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้”
วันนี้และอนาคตที่ Bacon
แม้หน้าที่ในทีมเปลี่ยนไป แต่เป้าหมายของ มอส ยังคงเดิมคือความหวังพา Bacon ประสบความสำเร็จ เหมือนในยุคที่เขาเคยทำได้ในวันที่เป็นโปรเพลย์เยอร์
ปัจจุบันหลายทีมในวงการ RoV ต่างพัฒนาตัวเอง มีทีมคว้าแชมป์ไม่ซ้ำหน้า บ่งบอกถึงหนทางเป็นแชมป์ที่ยากกว่าเดิม แต่ มอส ก็พร้อมลุยทุกอุปสรรคที่ท้าทาย เพราะเขาอยากพาทีมที่ผูกพันมานาน มุ่งสู่จุดสูงสุดให้ได้
“จริงๆถ้าให้ผมเป็นโค้ชทีมอื่นผมคงไม่เป็น แต่ถ้ากับ Bacon ผมอยากเป็น ตัวผมเองอยู่กับ Bacon มานาน ผมมองว่าทีมชุดนี้มีศักยภาพดีพอที่จะเป็นแชมป์”
“ตอนนี้พวกเรายังมีเรื่องบางสิ่งบางอย่างที่ขาดอยู่ แต่นี่จุดสำคัญที่ผมจะเข้าไปเติมให้เต็มเพื่อเราจะก้าวไปเป็นแชมป์ครับ” มอส กล่าวทิ้งท้าย
อ่านเพิ่ม: THE MVP : ทีมยอดเยี่ยม RoV Pro League 2021 Summer week 1