เมต้าของ Dota 2 สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยผู้เล่นมืออาชีพมักจะสร้างแนวคิดและแผนการเล่น พร้อมกับสร้างเมต้าฮีโร่ใหม่ๆออกมาอยู่ตลอด
โดยการแข่งขันของ The International 11 Regional Qualifiers ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมต้าในปัจจุบัน ซึ่งแพตช์ 7.32 และการอัปเดต 7.32b ได้เปลี่ยนเมต้าการเลือกฮีโร่ในการแข่งขัน และทำให้แนวทางการเล่นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างมาก
ซึ่งวันนี้ เราได้จัดอันดับฮีโร่ Dota 2 เมต้าล่าสุด โดยจะถูกจัดเรียงอย่างคร่าวๆทั้งหมด 3 Tier ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม การจัดอันดับนี้ไม่ได้แสดงถึงฮีโร่ที่แกร่งที่สุด แต่อ้างอิงจากความนิยมในการแข่งขันระดับมืออาชีพ
- 23savage เผยสาเหตุว่าทำไม TI11 กับ Talon ถึงพิเศษกว่าที่ผ่านมา
- Dota2 TI11: ตารางแข่งขัน รูปแบบ เงินรางวัล และ ช่องทางรับชม
เมต้าฮีโร่ Dota 2 เดือนกันยายน 2022
Tier 1
- Batrider
- Undying
- Enigma
- Marci
- Death Prophet
- Faceless Void
ฮีโร่ใน Tier 1 จะเป็นฮีโร่ที่เรามักจะเห็นได้บ่อยในการแข่งขันระดับอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการแบนหรือการเลือก โดยจุดแข็งของพวกเขาอาจมาจากความยืดหยุ่นของตัวละคร ซึ่งช่วยให้ทีมมีตัวเลือกมากขึ้นในการเล่น
Batrider
Batrider เป็นหนึ่งในฮีโร่ตัวเปิดสุดแกร่งของ Dota 2 และด้วยการบัฟให้สกิล Sticky Napalm สร้างความเสียหายได้ นั่นทำให้เขาเป็นยอดฮีโร่ที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเลนสั้นๆ เช่น เลนกลาง ซึ่งใครก็ตามที่ถูก Batrider จับก็เรียกได้ว่ารอเกิดบ่อได้เลย แม้ว่าจะถูกเนิร์ฟมาหลายครั้งใน 7.32b แล้วก็ตาม
สำหรับ Builds ที่แทบจะเป็นมาตรฐานของ Batrider ก็จะเป็น Boots of Travel ก่อนที่จะตามมาด้วย Blink Dagger, Black King Bar, and Aghanim’s Shard พร้อมด้วย Aether Lens สำหรับการเปิดไฟต์ที่ง่ายขึ้น หรือ Witch Blade เพื่อเพิ่มความเสียหาย ซึ่งสามารถออกทั้งสองชิ้นได้เช่นกัน สุดท้ายก็เป็น Octarine Core ที่จะช่วยให้คุณบินและโจมตีศัตรูอย่างต่อเนื่อง
Undying
การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดของ Undying คือบัฟ Decay ให้สามารถดึง stat ของศัตรูมาได้ ซึ่งหมายความว่า Undying จะดูดเลือดของศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมกับสร้างความเสียหายให้กับศัตรู
แม้ว่า Undying จะถูกบัฟมาเพียงสกิลเดียว แต่นั่นก็เพียงพอให้ยอดฮีโร่รายนี้แกร่งมากขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว อย่างไรก็ตาม ยอดฮีโร่รายนี้ก็แทบจะไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากเท่าไหร่ ซึ่งการต่อสู้กับเขาในสกิล Tombstone ยังคงเป็นเรื่องยากเช่นเคย
Enigma
Enigma ได้รับการปรับปรุงเพียงเล็กน้อยใน 7.32 โดยเปลี่ยนผลของ Aghanim’s Shard ที่จากเดิมอัปเกรด Black Hole เปลี่ยนเป็นปรับปรุง Malefice แทน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาอ่อนแอแต่อย่างใด
Demonic Conversion ยังคงเป็นสกิลสำหรับเล่นในเลนที่ยอดเยี่ยม ซึ่งช่วยให้เค้าสามารถฟาร์มได้อย่างไม่ต้องกังวล แถมยังช่วยดันเลนได้ดีอีกด้วย
นอกจากนี้ ในการเล่นเจอกับตัวแก้ทางอย่าง Rubick หรือ Silencer ผู้เล่น Enigma สามารถมุ่งเน้นไปที่การสแปม Malefice และ Midnight Pulses ในการต่อสู้แทนการใช้ Demonic Conversion ดันเลนก็ได้เช่นกัน แต่ถึงกระนั้น ก็อย่าลืมเกี่ยวกับอัลติเมทสุดอันตรายของเขา ด้วย Black Hole Enigma อาจเป็นฮีโร่ทีมไฟต์ที่เก่งที่สุดใน Dota และถ้ามาพร้อมกับไอเทม Refresher อีกล่ะก็ นั่นเท่ากับหายนะตัวจริง
Marci
แพตช์ 7.32 ตอนแรกนั้นไม่เหมาะกับ Marci เท่าที่ควร แต่ 7.32b ได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการดึงยอดฮีโร่รายนี้กลับมาสู่เมต้า
Marci แข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากการได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยแทนที่เธอจะเป็น Support ภายในเลน เธอกลับกลายเป็นฮีโร่แกนหลักที่ปกครองเลนแทนแล้วในตอนนี้ ซึ่งก็ต้องขอบคุณการบัฟมากมายสำหรับ Sidekick, Unleash และความแข็งแกร่งของ strength พื้นฐาน
แม้ว่าเธอจะมีปัญหาในการทำฟาร์ม แต่ไอเทมที่เธอต้องการหลักๆก็มีแค่ Black King Bar และ Skull basher ซึ่งก็ไม่แปลกใจที่ปกติเราจะเห็นเธอสามารถจัดการตัวหลักของฝ่ายตรงข้ามที่มีค่า net worth สูงกว่าเธอได้
เธออาจจะเป็นฮีโร่ที่เก่งกาจที่สุดใน Dota ในตอนนี้ ซึ่งสามารถเล่นได้ทั้งห้าตำแหน่ง แม้ว่าผู้เล่นส่วนใหญ่จะเลือกใช้เธอในตำแหน่ง Pos 3 ถึง Pos 5 ก็ตาม
Death Prophet
แม้ว่า Razor และ Viper จะถอยห่างออกไป ตัว Offlane ตีไกลก็ยังได้รับความนิยมอยู่เช่นเดิม ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Death Prophet
ในแพตช์ 7.32 แวบแรก Death Prophet ดูเหมือนว่าจะโดนเนิร์ฟหนัก โดยการสร้างความเสียหายของสกิล Spirit Siphon เปลี่ยนจากคิดตามเลือดสูงสุด กลายเป็นคิดจากดาเมจอย่างเดียว แต่ด้วยเลือดที่เพิ่มขึ้น 1,200 หน่วย Spirit Siphon เวอร์ชันปรับปรุงกลับสร้างความเสียหายได้เยอะกว่าเก่า ทำให้เธอน่ากลัวอย่างมากในเลน
นอกจากนี้ แม้หลังจากการเนิร์ฟมากมายใน 7.32b แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอแข็งแกร่งน้อยลงแต่อย่างใด ซึ่งอัลติเมตอย่าง Exorcism ยังคงเป็นสกิลอเนกประสงค์ที่สามารถขัดจังหวะการเล่นของศัตรูในจังหวะไฟต์ ดันเลน หรือการเก็บ Roshan ได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึง Crypt Swarm ที่นับเป็นสกิลที่สร้างความเสียหายกับศัตรูได้มากพอสมควร
นั่นทำให้ในปัจจุบัน Death Prophet นับเป็นฮีโร่ที่เล่นได้แทบจะทุกเลนแล้ว ซึ่งสกิลของเธอสามารถใช้กดดัน Carry และ Support หรือจะเป็นตัวหลักอื่นๆของศัตรูได้ดีอยู่ตลอด
Faceless Void
Faceless Void เป็นหนึ่งในฮีโร่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดใน Dota 2 เนื่องจากการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างการเป็น Carry ของทีม และการเป็นตัวเปิดไฟต์ที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม เขาอาจจะไม่ใช้ฮีโร่ยืนเลนที่ดีที่สุด แต่ด้วยสกิล Time Dilation ที่สร้างความเสียหาย AOE พร้อมกับสโลว์ ก็ช่วยให้เขากดดันศัตรูและยืนในเลนได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Time Walk ยังได้รับบัฟใน 7.32 ทำให้เขามีเวลาเพิ่มขึ้นในการกระโดดเข้าสู่การต่อสู้ และด้วยการอัปเกรด Shard ยังช่วยให้เขาสามารถใช้สกิล Time Walk แบบย้อนกลับได้อีกด้วย ซึ่งช่วยให้เขาสามารถเข้าและออกไฟต์ได้อย่างรวดเร็วตามที่ต้องการ
สำหรับอัลติเมต Chronosphere แทบไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตอนนี้ Void สร้างความเสียหายได้มากขึ้นด้วย level 20 talent ของเขา ซึ่งทำให้เขามีความเร็วโจมตี 120 ในสกิล Chronosphere นั่นแทบจะเป็นการรับประกันการจัดการศัตรูที่ติดอยู่ในอัลติเมตดังกล่าว
Tier 2
- Visage
- Chen
- Beastmaster
- Puck
- Lina
- Viper
- Queen of Pain
- Primal Beast
- Morphling
- Pangolier
- Ember Spirit
- Invoker
- Bloodseeker
- Templar Assassin
- Terrorblade
ฮีโร่ใน Tier 2 นั้นเป็นฮีโร่ที่มักจะไม่ถูกแบนหรือถูกเลือกเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งแม้ว่าเขาจะไม่ได้โดดเด่นเหมือนกับฮีโร่ใน Tier แรก แต่พวกเขาก็แข็งแกร่งพอๆ กันในแมตช์ที่เข้ากับพวกเขา โดยในบรรดารายชื่อทั้งหมด มีฮีโร่หลายตัวที่ใกล้เคียงกับ Tier 1 อย่างมาก
เมตาสวนสัตว์ไม่เคยหายไปจากเกมจริงๆ เห็นได้ชัดจากฮีโร่ยอดนิยมเช่น Visage, Chen และ Beastmaster ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้กดดันเลนได้ดีเท่า Marci หรือ Undying แต่ก็ชดเชยได้ด้วยการซัมมอนที่ทรงพลัง
สำหรับ Visage เอนเอียงไปทาง assassin หรือสายออร่ามากขึ้น ด้วยไอเทมอย่าง Wraith Pact หรือ Aghanim’s Scepter ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและลำดับความสำคัญของการฟาร์ม ส่วน Beastmaster ยังคงเป็นหนึ่งในฮีโร่ไม่กี่ตัวที่ใช้ไอเทม Helm of the Overlord และมีวิสัยทัศน์ในแผนที่ที่เหนือกว่าศัตรูด้วย Hawk
สุดท้าย Chen อาจเป็นฮีโร่ที่เล่นง่ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยเพียงแค่ใช้ออร่าอันทรงพลังจากนิวตรอน ดันเลนแบบ non-stop
สำหรับฮีโร่ตัวอื่นๆ ในระดับนี้ดูเหมือนจะติดมาพร้อมกับการประเมินเบื้องต้น คูลดาวน์ที่นานขึ้นนั้นไม่มีปัญหาสำหรับฮีโร่ ตราบใดที่พวกเขามีวิธีเปลี่ยนการต่อสู้ด้วยสกิลอันทรงพลังหรืออัลติเมต
Tier 3
- Shadow Fiend
- Slark
- Enchantress
- Dawnbreaker
- Tiny
- Omniknight
- Troll Warlord
- Timbersaw
- Earthshaker
- Mars
- Monkey King
- Tusk
- Ursa
ฮีโร่ใน Tier 3 มักจะเป็นฮีโร่ที่เห็นกันทั่วไป แต่ได้รับความนิยมมากจนเป็นที่รู้จักในฐานะตัวเสริมที่ทรงพลัง พวกเขาอาจจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายในการเลือกตัวละครที่เซอร์ไพรส์และยากจะรับมือ พร้อมกับเสริมการเล่นอย่างสมบูรณ์แบบกับสไตล์การเล่นของผู้เล่นหรือทีม หรือทำหน้าที่เป็นแก้ทางฮีโร่บางตัว
Shadow Fiend กำลังกลายเป็นหนึ่งในตัวดันเลนที่แข็งแกร่งในเมต้านี้ซึ่งมักจะได้รับมอบหมายให้ไปที่ safelane หรือ Mid โดยด้วยการบัฟความเสียหายพื้นฐานเล็กน้อยใน 7.32 ได้ช่วยเสริมความแกร่งของฮีโร่ที่มีปัญหาในการโจมตีพื้นฐาน
และด้วยการปรับปรุง Shadowraze ที่ทำให้มีอัตราการซ้อนและสโลว์คู่ต่อสู้ ได้เปลี่ยนให้ Nevermore กลายเป็นนักฆ่าที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่ง Ivan “Pure” Moskalenko ของ Entity น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของ Shadow Fiend ใน safelane ในขณะที่ Zhang “Paparazi灬” Chengjun จาก Xtreme Gaming ยืนหนึ่งในตำแหน่ง Mid
Slark เป็นอีกหนึ่งฮีโร่ที่โชคชะตาเปลี่ยนไปเพราะแพตช์ใหม่ ด้วยสกิล Pounce ของเขาที่ทำให้เขาได้รับ Essence Shift ทันที ซึ่งตอนนี้เขากลายเป็นนักสู้ที่น่าเชื่อถือมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้เล่นอาชีพยังใช้ สกิล Depth Shroud จาก Shard เป็นเครื่องมือป้องกันที่ฮีโร่ Carry หลายตัวไม่มีอีกด้วย
อ่านเพิ่ม: TI11 Last Chance qualifier: ตารางการแข่งขัน ผล ทีม ถ่ายทอดสด