หากคุณเกิดในครอบครัวที่มีพร้อมทุกอย่าง ฐานะมั่นคงระดับเศรษฐี เป็นทายาทรอสืบทอดธุรกิจครอบครัวในฐานะว่าที่เจ้าของธุรกิจปั๊มน้ำมันที่ทำรายได้มหาศาลในแต่ละปี… คงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องยอมลำบาก เริ่มต้นสร้างชีวิตใหม่จากศูนย์ โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจตกต่ำไม่สู้ดี แต่ไม่ใช่กับ มอส – ณัฐพล อ้วนภักดี หรือ Masaros 

เขาเกิดมามีพร้อมทุกอย่าง แต่เมื่อสิ่งที่มีไม่ใช่ชีวิตในแบบที่อยากเป็น เขาจึงเลือกเขียนชีวิตตัวเองใหม่เพื่อทำตามความฝัน แม้ต้องเริ่มต้นอย่างยากลำบากกับเส้นทางที่หลายครอบครัวไม่เข้าในนั่นคือ นักกีฬาอีสปอร์ต แต่อดทนพิสูจน์ตัวเองไต่จากจุดล่างสุดไปถึงวันที่ทีม Dota ระดับท็อของทวีปเคยดึงไปร่วมทัพมาแล้ว

อะไรทำให้โปรเพลย์เยอร์วัยเพียง 23 ปี กล้าตัดสินใจทิ้งทุกอย่างเพื่อทำตามหัวใจตัวเอง เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง One Esports จะพาคุณเจาะลึกทุกเรื่องราวในชีวิตของเขาที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

เข้าวงการ Dota

สำหรับคอเกมสาย MOBA ไม่มีใครไม่รู้จัก Dota เกมยอดฮิตที่เคยได้รับความนิยมสุดขีดในยุคแรกที่เปิดตัวออกมา นี่คือเกมที่ทำให้ทุกร้านเกมเต็มไปด้วยจอสีเขียวกับภาพฮีโร่ไล่ Kill ไปพร้อมๆกับบทสนทนาเฮฮาระหว่างเพื่อน ด่าข้ามฝั่งกันบ้าง ท้าทายกันบ้าง เป็นเสน่ห์ชวนคิดถึง และเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ Dota น่าหลงใหล

มอส คือเด็กหนุ่มอีกคนที่มีภาพจำเริ่มต้นเข้าวงการ Dota จากความสนุกกับแก๊งเพื่อนในช่วงเรียนมัธยมปลาย ซึ่งความแตกต่าง, รายละเอียด, องค์ประกอบของ Dota ทำให้เขารู้สึกสนใจ เริ่มต้นเล่นตั้งแต่ตอนนั้น



“สมัยเรียนมัธยมปลายเป็นช่วงที่ Dota 1 กำลังมา ผมเล่น Lan กันในโรงเรียน ทั้งเพื่อน และรุ่นพี่ที่เล่นกันมา ผมเริ่มเล่นจากตัวง่ายๆ AXE หรือ Sven (สองฮีโร่สาย Strength ใน Dota 1) ความสนุกของผมคือการเล่นเป็นทีม ทุกคนสำคัญหมด เราได้เล่นกับเพื่อนสามัคคีเป็นทีม”

Dota ไม่ใช่แค่เกมไล่ล่า Kill ฮีโร่เอามันอย่างเดียว แต่เป็นเกมที่ต้องวางแผนรอบคอบ วิเคราะห์การเล่น และต้องรู้รายละเอียดของฮีโร่รวมถึงสิ่งของในเกมเพื่อเอาชนะทีมคู่แข่ง มอส เริ่มเล่นจากความสนุก แต่จากนั้นมันทำให้เขาศึกษามากขึ้น กระทั่งชิมลางแข่งขัน Dota ครั้งแรกในระดับมหาวิทยาลัย

ช่วงนั้น มอส เข้าศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประจวบเหมาะมีการแข่งขัน Dota 2 University Championship (DUC) เพื่อชิงชัยความเป็นหนึ่งในระดับมหาวิทยาลัย ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ มอส ได้แข่งขัน Dota อย่างเข้มข้นตลอด 4 ปี

“กว่าจะเข้าสู่การแข่งจริงๆนานอยู่ครับ ผมเล่น Dota 1 พอขำๆ จากนั้นเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยก็มาเริ่มเล่น Dota 2 ตอนปี 1 ผมเริ่มจากดูช่องๆหนึ่งพากย์เกมนี้ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่า การแข่งมีระดับ Ti ทั้ง Ti5 จนถึง 6 ก็แปลกใจว่า มันคืออะไรทำไมมีเยอะจัง ผมเลยสนใจว่า มันจริงจังขนาดนี้เลยเหรอก็ลองไปแข่งลองหาข้อมูลต่อดูว่าคืออะไร”

ประเดิมสนามแข่ง

“หลังขึ้นปี 2 ผมเริ่มแข่งครั้งแรก” มอส กล่าวต่อ “ตอนนั้นผมรู้สึกว่าทำไมฝั่งตรงข้ามเขาเก่งจัง เล่นเป็นระบบ จากที่เราเล่นขำๆ ต่างคนต่างเล่นไม่มีระบบอะไร”

“พอมาเจอทีมที่เขาเคยแข่งมาก่อนมีระบบก็รู้สึกว่า เราต้องเก่ง รู้ให้เยอะกว่านี้ถึงจะสู้เขาได้ ผมไม่รู้ด้วยว่า ตัวเองจะเดินบนเส้นทางนี้ไปยาวๆหรือเปล่า ผมแค่ใช้เวลาว่างช่วงมหาวิทยาลัยแข่งเท่านั้น เหมือนงานอดิเรกยาวว่างไม่ได้คิดอะไร”

“ช่วงแรกทีมเป็นแค่การรวมตัวกันของคน 5 คน ในกลุ่มเฟซบุ๊คที่เขาหาทีมแข่ง พอไปผมโพสต์เฟซบุ๊คก็มีคนมาชวน แล้วก็มีทีมมหาวิทยาลัยแยกไปอีก ควบคู่กันไป 2 ทีม ตอนปี 2 เพิ่งเข้ามาแข่งลีกมหาวิทยาลัย ก็แพ้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แบบไม่คิดว่าจะสู้ได้ ปี 3 ก็แพ้เขาอีก เราเป็นรองแชมป์มาตลอด แต่พยายามทำให้ดีขึ้นตลอดจนได้เป็นกัปตัน”

ความพ่ายแพ้เป็นบทเรียนสำคัญทุกครั้งที่ได้เห็นข้อผิดพลาดเพื่อกลับไปแก้ไข มอส แม้จะผิดหวังซ้ำๆ แต่ มอส และทีมยังมุ่งมั่นเก็บรายละเอียด ซ้อมหนักเพื่อหวังจะคว้าแชมป์ก่อนเรียนจบให้ได้ ซึ่งเป็นความโชคดีที่ระหว่างนั้น เขามีโอกาสเข้าไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทีม Alpha Blue ซึ่งเป็นทีมสำรองของ Alpha Red ที่ช่วยได้เยอะกับการต่อยอดผลงานทีม 

“มาปี 4 เป็นปีสุดท้ายผมไปอยู่ทีม Dota ของ Alpha Blue ก็ได้ประสบการณ์มาเยอะนำมาสอนเพื่อนร่วมทีม ซ้อมหนักขึ้นจนกลับมาได้แชมป์ก่อนจบมหาวิทยาลัย แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้เข้าสู่อีสปอร์ตเต็มตัว เพราะตอนนั้นผมอยู่กับ Alpha Blue แบบพาร์ทไทม์ จะซ้อมแค่ช่วงที่ว่างเท่านั้น”

แม้จะปิดฉากการเรียนมหาวิทยาลัยด้วยการคว้าแชมป์มาครองได้วำเร็จ แต่ Dota ยังคงเป็นเพียงงานอดิเรกสำหรับเขา เพราะเส้นทางหลังจบการศึกษา มีชีวิตการทำงานรออยู่ แต่ก็เป็นช่วงเดียวกับที่ มอส เริ่มอยากเขียนเส้นทางชีวิตด้วยตัวเองครั้งแรก

เพราะเขาไม่อยากเดินตามทางเดินของคนอื่นอีกต่อไป แต่ต้องการความกล้าเพื่อเลือกทำตามหัวใจตัวเองดูบ้าง

ชีวิตนี้ขอลิขิตเอง

เดิม มอส เกิดในครอบครัวที่ฐานะมั่นคง คุณพ่อของเขาทำธุรกิจปั๊มน้ำมันเปิดบริการหลายสาขาทั่วประเทศ แน่นอนว่า เขามีพร้อมทุกอย่าง เงินทอง ความสำเร็จในชีวิตที่รออยู่ข้างหน้าเหมือนเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ขณะเดียวกันคุณพ่อของเขาวางอนาคตให้เข้ารับราชการตามคณะที่จบมา ซึ่งมีลู่ทางรอไว้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ชีวิตของ มอส ก็เต็มไปด้วยความพร้อมทุกอย่างไม่มีติดขัด

แต่เขากลับเลือกทำสิ่งที่ครอบครัวไม่เห็นด้วย และไม่เข้าใจ นั่นคือการเลือกเกมเลี้ยงชีพตัวเอง ซึ่งมุมมองของครอบครัวที่มีธุรกิจมูลค่ามหาศาลกับลูกชายที่เลือกเดินในเส้นทางที่ไร้ความแน่นอน ย่อมเกิดความขัดแย้งเป็นธรรมดา แต่ มอส ตัดสินใจแล้วว่า ครั้งนี้เขาจะขอเลือกเส้นทางชีวิตตัวเอง ไม่ทำตามใครอีกต่อไป

“ตอนนั้นที่บ้านยังไม่เปิดรับเรื่องนี้ ผมพยายามอธิบายเขาว่า หลังเรียนจบขอเวลา 1 ปีเพื่อพิสูจน์สิ่งที่เราเลือก แต่ถ้าครบ 1 ปี ไปไม่รอด เดี๋ยวจะกลับไปรับราชการต่อตามสายอาชีพที่จบมาหรือไปช่วยทำธุรกิจที่บ้านต่อ เขาก็ลองให้โอกาสดู เขาก็ไม่พอใจ แต่ก็ต้องยอม”

“จริงๆตั้งแต่เข้าเรียนคณะนี้ ผมไม่ได้อยากเข้าเรียนอยู่แล้ว หัวผมไม่ใช่สายสังคม ผมอยากเข้าวิศวะหรือหมอ พ่ออยากให้ลองเข้าเศรษฐศาสตร์ก็เลยลองดู แต่ก็ไม่ค่อยชอบ หลังเรียนจบผมไม่อยากไปต่อในทางนี้ ผมรู้ตัวเองว่า มันคือสิ่งที่ผมไม่ชอบ เลยตัดสินใจทำในสิ่งที่ตัวเองชอบดู ลองเดินในเส้นทางที่ตัวเองรู้สึกว่าคือตัวเรา ลองจริงจังกับมัน ซึ่งเป็นการตัดสินใจอิสระครั้งแรกของผมด้วย เพราะปกติก็โดนที่บ้านเลือกให้ แต่ครั้งนี้อยากลองทำในสิ่งที่รักดูบ้าง ลุยเต็มที่ ผมไม่รู้หรอกว่า ตอนนั้นพ่อคิดยังไง ผมก็ปิดหูปิดตาตัวเอง แต่คิดว่า เกิดมาทั้งทีขอเลือกชีวิตตัวเองหน่อย”

ทิ้งอนาคตว่าที่เถ้าแก่น้อย

แม้สิ่งที่เลือกจะขัดกับความตั้งใจของคนในครอบครัว แต่เขาปักธงให้ตัวเองแล้วว่า ต้องทำมันให้ได้ ไม่ว่าจะเจออุปสรรคใดๆก็ตาม

“ผมรู้ตัวเองอยู่แล้วว่า ผมทำได้แน่นอน มันมีเส้นทางที่ผมมั่นใจว่า ทางที่เลือกก็ไม่ได้แย่เหมือนกัน มันเป็นสิ่งที่ผมรักก็อยากลองดู อาจจะไม่ถูกใจคนที่บ้าน แต่เราต้องก้าวผ่านไปให้ได้”

หลังตัดสินใจมุ่งมั่นกับสิ่งที่เลือก มอส เดินหน้าเต็มตัว เขานับหนึ่งอีสปอร์ตจริงจังกับ Buriram United Dota2 เก็บข้าวของเพื่อใช้ชีวิตอยู่ในแคมป์กับทีม แต่การเริ่มต้นกลับเต็มไปด้วยอุปสรรค เพราะหลังจากนั้นไม่นานทีมถูกยุบแบบช็อคแฟน Dota รวมถึง มอส ที่ต้องสะดุดตั้งแต่ช่วงแรก

“ตอนนั้นก็มีคิดนะว่า ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เราทำไม่ได้กลับบ้านไปคงโดนด่าแน่ๆ ชีวิตผมไม่เหมือนคนอื่น คนอื่นเขาอาจเป็นเกมเมอร์ที่ไม่ได้ติดอะไร แต่ของผมเหมือนมีทุกอย่างพร้อมทั้งชีวิต ด้านงาน การเงิน แต่ทำไมต้องเลือกมาลำบาก”

“ผมก็รู้สึกว่า มันเป็นสิ่งที่ท้าทายตัวเอง ตั้งแต่วันแรกที่ผมตัดสินใจ ผมคิดไว้เลยว่า จะต้องเลี้ยงตัวเองได้ด้วยเกม ตัวผมก็ไม่ได้เอาอะไรจากที่บ้านอยู่แล้ว”

Motivate.Trust Gaming ทีมเปลี่ยนชีวิต

ขณะที่หนทางกำลังยากลำบาก โอกาสสำคัญก็มาถึงเขาเมื่อ Motivate.Trust Gaming ทีม Dota เบอร์หนึ่งของประเทศไทย ทาบทามเขาให้ร่วมทดสอบฝีมือเข้าทีม สำหรับ Motivate.Trust Gaming คือทีมในฝัน และเป็นหนึ่งในทีมที่อยากร่วมงานมาตลอด เขาจึงตอบตกลงทันที

“ผมได้โอกาสจาก Motivate.Trust Gaming ที่ให้ไปลองเทส แต่ตอนนั้นถ้าผมออกจากทีมเดิม(SETH Gaming DOTA 2) คือต้องออกไปเลย แต่ก็ตัดสินใจออกไปเผชิญความเสี่ยงเพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเอง ก่อนหน้านั้นก็มีกังวล แต่กังวลไปก็เท่านั้น ผมพยายามทำให้ตัวเองเก่งที่สุด เพราะคิดว่า ถ้าพยายามมากพอสักวันโอกาสมันก็มาถึงเราเอง ถ้าเราโชว์ให้คนอื่นเห็นด้วยฝีมือของเรา โอกาสมันมีได้เสมอ”

หลังร่วมทดสอง มอส ถูกรับเลือกเข้าร่วมทีม Motivate.Trust ฝันของเขาเป็นจริงหนึ่งขั้น และเป็นทีมที่เปิดโลก Dota ของเขาที่มีส่วนสำคัญช่วยพัฒนาฝีมือแบบก้าวกระโดด ฉีกทุกอย่างของ Dota ที่เคยรู้มาทั้งหมดจากทีมระดับมืออาชีพ 

“ผมขอใช้คำว่า นี่คือทีมที่ผมใฝ่ฝันตั้งแต่ตอนเรียนปี 2 มันเป็นทีมที่ 1 ในไทย ผมรอจนโอกาสมาถึงแล้วรีบคว้าไว้ เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตผมเลย ระบบทีมระบบเกมมันดีมากได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาตลอด มันคือช่องว่างของการเล่น Dota ที่เราไม่เคยรู้ว่า มันมีแบบนี้ด้วยเหรอ  ตัวเองก็อาจมีสกิลเพลย์ที่พยายามฝึกมาตลอด แต่ไม่รู้เรื่องแมพเรื่องระบบ พอได้รู้ก็ตื่นเต้น ประทับใจมากตอนที่ได้เข้าทีม”

“ผมคาดหวังมากที่จะได้เข้าทีม แรกๆก็เล่นไม่ได้ดี เพราะผมเป็นมือใหม่ที่ไปเข้าทีมที่เก่งอันดับ 1 ของประเทศ ตอนแรกผลงานก็ไม่ดีมากรู้ตัวว่า มีโอกาสโดนเตะออก แต่พอทำได้ก็รู้สึกดีใจในระดับหนึ่ง เพราะตอนนั้นผมแบกรับความกดดันมาก เราเพิ่งเข้ามาใหม่ ทีมก็พยายามด่าเพื่อให้เราเก่งก็โดนกดดัน”

การร่วมงานกับ Motivate.Trust เขาได้พบกับ Lakelz “โค้ชเบส”พิพัฒน์ ปริยชาติ ปรมจารย์ Dota ของไทย ที่ช่วยถ่ายทอดศาสตร์ Dota พาเขาเปิดโลกกว้างที่ทำให้รู้จักเกมนี้มากขึ้น

“สำหรับพี่เบสใช้คำว่า น่าจะทุกอย่างกับการเปิดโลก Dota ของผม เขามีประสบการณ์เยอะ สอนเกือบทุกเรื่องต่อยอดสกิลเพลย์พยายามสอนเรา ตอนแรกก็มีดื้อบ้าง แต่ก็ปรับกันได้ดี เขาช่วยให้ผมเดินมาถึงทุกวันนี้ เริ่มแรกก็มีทัวร์ยิบย่อยเข้ารอบ แต้ก็แพ้อยู่ดีใช้เวลา 3-4 เดือน กว่าจะปรับได้ พอมาช่วง BTS Pro Series Season 3: Southeast Asia ตอนนั้นไม่มีใครสู้เราได้”

ผลงานของ มอส กับ Motivate.Trust ไปได้สวยเมื่อช่วยทีมประสบความสำเร็จหลายรายการ โดยเฉพาะมีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ระดับ SEA ได้ถึง 2 ทัวร์นาเมนต์ อย่าง BTS Pro Series Season 3: Southeast Asia และ DOTA Summit 13 Online: Southeast Asia

ด้วยฟอร์มร้อนแรง ทำให้ มอส กำลังมีโอกาสได้เป็นสมาชิกใหม่อีกหนึ่งทีมในฝันที่มีชื่อเสียงโด่งดังมานาน และเขาเองเป็นแฟนของทีมนี้มาตั้งแต่เริ่มเล่น Dota นั่นคือ Fnatic

ฝันเป็นจริงที่ Fnatic

หากพูดถึง Fnatic นี่คือทีม Dota ระดับท็อปของโลก ที่เคยมี อนุชา ‘Jabz’ จิระวงศ์ โปรเพลย์เยอร์ชาวไทย สังกัดอยู่ อีกทั้งยังเป็นทีมขวัญในโซน Southeast Asia(SEA) ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลก หากผู้เล่นไทยหวังจะได้ไปอยู่จุดนั้นดูบ้าง

“ถ้าพูดกันตรงๆตั้งแต่เริ่มเล่น Dota ยังไงก็ต้องรู้จัก Fnatic เขาดังใน SEA ผมก็รู้จักมาตลอด แต่ผมใช้คำว่า ชาตินี้คงได้เข้ายากคงไม่มีโอกาสไปถึงจุดนั้น มันเลยเป็นทีมในฝัน มันเป็นทางที่ไปได้ แต่ต้องใช้ความพยามมาก ทีมใหญ่ๆที่ไหนจะมามองคนไทยหรือคนที่โนเนมไม่เคยไปเมเจอร์ ไม่เคยมีประสบการณ์เลย โอกาสเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้ผมได้ไป”

“ตอนนั้นที่ได้แชมป์ ESL Thailand Championship 2020 Season 1 ทุกคนในทีมแฮปปี้มาก หลังจากนั้นก่อนเริ่ม DOTA Summit 13 Online: Southeast Asia เหมือนมีโอกาสเข้ามาว่า Fnatic กำลังหาออฟเลนผมอยู่ในแคนดิเดตก็ได้ลองไปเทส ตอนนั้นผมถามกับตัวเองว่า เรื่องจริงเหรอที่ได้โอกาสไปแล้วเขาก็เลือกเรา รู้สึกดีใจเหมือนได้เข้าทีมที่ฝัน ฝันกำลังจะเป็นจริงแล้ว…”

จากคนที่เคยฝัน ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นจริงตรงหน้าเขา แม้ มอส จะยอมรับว่า มันเป็นการตัดสินใจยากที่สุดเมื่อต้องเลือกออกจาก Motivate.Trust  แต่ความใคร่รู้อยากเก็บประสบการณ์ ทำให้เขากล้าตัดสินใจออกไปเผชิญโลกกว้างดูสักครั้ง

“ระหว่างตัดสินใจมันยากมาก ถ้าผมเทสไม่ผ่านอาจถูกออกจาก Motivate.Trust เพราะเราเลือกที่จะไปแล้ว เราต้องยอมรับความเสี่ยง โอกาสไม่ได้มาง่ายๆเลยตัดสินใจลองไป ในใจก็ไม่ได้อยากออก ทีมกำลังเก่ง แต่มันเป็นทีมที่เราอยากลองรับประสบการณ์สักครั้ง ลองเปิดหูเปิดตาดู”

“ตอนเขาประกาศผล ผมตื่นเต้นมาก ทุกอย่างที่เราพยายามมานานมันก้าวถึงฝันในระดับหนึ่ง ภูมิใจในตัวเองกับสิ่งที่เราพยายามมาทั้งหมด มันประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง”

มอส ได้ร่วมทีม Fnatic ในศึก ONE Esports Singapore Major 2021 ซึ่งเป็นเมเจอร์แรกของปี และเป็นรายการออฟไลน์ครั้งแรกหลังการระบาดโควิด-19 ทำให้เขามุ่งมั่นกับทัวร์นาเมนต์นี้มาก

ทว่าทุกอย่างกลับจบลงอย่างรวดเร็ว เพราะทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิดทั้งผลงาน และบทบาทสมาชิกในทีม Fnatic

ก้าวแรกที่พังทลาย

“ผมตั้งใจอยากทำฟอร์มให้ดีที่สุดใน ONE Esports Singapore Major แต่ก็เป็นอย่างที่เห็น มันไม่ดีเท่าไหร่ ไม่ใช่แค่ผม แต่เป็นทั้งทีม…” มอส ย้อนความหลังกับ Fnatic

Fnatic คือทีมแกร่งที่ถูกมองว่า จะไปได้ไกลในรายการนี้ แต่พวกเขากลับพลิกล็อคตกรอบอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความผิดหวังของ มอส ที่เริ่มต้นกับทีมในฝันไม่สวย ก่อนจะจบลงอย่างรวดเร็วในทัวร์นาเมนต์เดียว

“เวลาผมอยู่กับ Fnatic เหมือนเราเป็นเพลย์เยอร์ที่เข้าใหม่ ผู้เล่นของเขามีประสบการณ์มากกว่า มีชื่อเสียงกว่าทำให้เรารู้สึกไม่เป็นตัวเอง เวลาจะทำอะไรไม่กล้าสั่ง เหมือนเรารอฟังตามเขา เราพูดอะไรเขาก็ไม่ฟัง ไม่ได้โชว์ศักยภาพตัวเอง คือเราทำได้ในระดับโอเค แต่ไม่ได้ดึงความเป็นตัวเองออกมา”

“ถ้าเทียบตอนอยู่ Motivate.Trust จะมีระบบการเล่น แต่ที่ Fnatic เหมือนทุกคนมีแนวคิดการเล่นเป็นของตัวเอง ไม่มีแจงแผนว่าต้องเล่นอย่างไร เราไม่เห็นรูปแบบว่าจะชนะได้ด้วยวิธีไหน ทีมระดับนั้นเขาอาจเล่นกันแบบนั้น ซึ่งผมคิดว่าไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะดูไม่เป็นทีม”

“หลังจบรายการนั้นผมรู้สึกว่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเราแล้ว มันค่อนข้างอึดอัด พอจบการแข่งไม่มีใครพูดอะไรกันเหมือนทุกคนก็แค่มาทำงานด้วยกัน ต่างจากเพื่อนร่วมทีมที่เชื่อใจกันมีสัมพันธ์กัน มันทำให้ผมผิดหวังนิดหน่อย แต่ออกมาก็ไม่ได้รู้สึกเสียดาย”

“พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ที่ผ่านมามันเป็นประสบการณ์ที่เราได้ออกไปเรียนรู้”

สู่บ้านหลังเก่ากับฝันครั้งใหม่

หลังแยกทางกับ Fnatic มอส ย้ายกลับ Motivate.Trust บ้านหลังเก่าอันอบอุ่นอีกครั้ง และมีส่วนช่วยทีมทำผลงานยอดเยี่ยมใน Dota Pro Circuit 2021: Season 2 – Southeast Asia Open Qualifier #1 ที่คว้าสิทธิ์เข้าสู่ Lower Division ได้สำเร็จ

นอกเหนือจากผลงานในสนาม สิ่งที่ทำให้ มอส รู้สึกดีที่ได้กลับสู่ Motivate.Trust คือการได้กลับมาเป็นตัวของตัวเอง และเล่น Dota ในแบบที่เขารู้จัก พร้อมกับเป้าหมายพาทีมมุ่งสู่ Ti ให้ได้

“เป้าหมายอย่างเดียวหลังจากนี้คือไป Ti ให้ได้ โอกาสอาจน้อย แต่โอกาสมันมีได้เสมอ ที่สำคัญทีมชุดนี้เป็นชุดที่แข็งแกร่งจากก่อนหน้านี้เราได้เข้ารอบ Lower Division เหมือนมีโอกาสจะไปได้ Ti แล้ว ทุกคนมีไฟมาก ใครจะไปคิดว่า ทุกอย่างปุบปับมาก ได้ไปเผชิญโลกกว้างแล้วกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง”

“ในไทยผมคงไม่ไปทีมไหนนอกจาก Motivate.Trust แต่ก็ยังไม่ได้ปิดโอกาสตัวเองกับการได้เล่นกับทีมระดับท็อปต่างประเทศอีกครั้ง”

“Motivate.Trust เป็นทีมที่ทำให้ผมกลับมาเป็นตัวของตัวเองโดยสมบูรณ์แบบ กล้าเล่น กล้าสั่ง กล้าคอนโทรลทุกอย่าง เราได้กลับมาเล่น Dota ที่เรารู้จักเป็น Dota ที่เราเคยเรียนรู้วิธีการเล่นมาตลอด”

จากนี้ มอส และ Motivate.Trust  ยังมีภารกิจสำคัญเพื่อเข้าสู่ Upper Division หนทางข้างหน้าไม่มีใครคาดเดาได้ว่า จะเป็นอย่างไร แต่ต่อให้ผิดหวังล้มสักกี่ครั้ง แต่ มอส ยังคงพร้อมสู้ 

เพราะมันคือเส้นทางที่เขาเลือกแล้วว่า นี่แหละคือชีวิตในแบบที่เขาอยากเป็น…..

อ่านเพิ่ม: ถอดบทเรียน Mickie จากวันที่ประสบความสำเร็จต่างแดนสู่โค้ช PUBG แห่งทีม Bacon