หลายๆส่วนในที่นี่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากภาคก่อน ทั้ง โหมด Ultimate team, เพิ่มลีกใหม่ๆเข้ามา, อัพเดทหน้าตานักเตะ,สโมสร และ ชุดแข่ง แต่สิ่งที่ทุกคนสนใจมากที่สุดนับตั้งแต่มีการปล่อยรายละเอียดของภาคนี้มาคงหนีไม่พ้น ฟุตบอลแบบสตรีท หรือ Volta Football
แต่ทว่าเรื่องที่น่าใจก็ไม่ได้มีแค่โหมดนั้นโหมดเดียว ยังมีเกมเพลย์ต่างๆที่มีการปรุบปรุงและแตกต่างจากภาคที่แล้วชัดเจน รวมไปถึงโหมด Kick off ที่เพิ่มลูกเล่นมากว่าเดิม และส่วนอื่นๆ
แต่จะสูสีเทียบกับ PES ในภาคล่าสุด และจะเป็นเช่นไรนั้น ลองติดตามผ่านบทความนี้เลย
เกมเพลย์หลักที่น่าสนใจขึ้น
ในรูปแบบการเล่นของฟุตบอลสนามใหม่ดูเผินๆก็ไม่ได้ต่างจากเดิมนัก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผูพัฒนาไม่ได้แตะต้องมันเลย หากคุณได้สัมผัสจริงๆจะพบว่าการเลี้ยงและจ่ายบอลในภาคนี้แตกต่างจาก FIFA 19 เป็นอย่างมาก ทั้งเกมเพลย์ที่ช้าลงไม่มีการขึ้นเกมที่รวดเร็วเหนือจริงแบบภาคก่อนๆแล้ว, การยิงที่ดูสมจริงขึ้น, การวิ่งทำทางที่ดีมากขึ้น หรือโดยรวมส่วนใหญ่ก็ยอดเยี่ยมกว่าเดิมนั่นเอง แต่คุณอาจจะต้องปรับตัวหน่อย หากชินกับการเล่นแบบภาคที่แล้ว และจะได้เห็นการล้ำหน้าเกิดขึ้นอย่างน้อย 4-5 ครั้งต่อแมตช์นึงเลย
นอกจากเกมเพลย์ที่ดูช้าลงแล้ว เกมรับในภาคนี้จะถูกปรับให้แตกต่างจากภาคที่แล้วแบบมากๆ การเข้าปะทะแย่งบอล คุณจะไม่สามารถกดปุ่มบีบไล่คู่แข่งได้อีกแล้ว แต่จะเน้นการดักทางบอลและเข้าแย่งให้ถูกจังหวะเท่านั้น ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาซักระยะเพื่อทำความเข้าใจกับระบบภาคนี้พอสมควร
ในส่วนของระบบปัญญาประดิษฐ์ภาคนี้ต้องบอกว่านี่คือหนึ่งในข้อเสีย เนื่องจากดูไม่มีความสม่ำเสมอเอาเสียเลย แน่นอนว่าในเกมเราจะเห็นการจ่ายบอลเสีย หรือ จับบอลพลาด ของ AI ตามระบบของภาคใหม่ แต่บางจังหวะมันก็งี่เง่าจนดูไม่มีความน่าท้าทาย หรือไม่ก็เก่งขึ้นจนน่าเหลือเชื่อและทำให้คุณต้องสบถออกมาท้ายเกมอยู่เช่นกัน
พบกับความสดใหม่ใน Volta Football
ก่อนหน้านี้ทาง EA ได้เคยหันไปสร้างฟุตบอลฟรีสไตล์แบบเต็มตัวในชื่อ FIFA Streert แต่ก็โผล่มาแค่ 4 ภาคเท่านั้นก่อนจะเงียบหายไปหลายปี ทว่าใน FIFA 20 เป็นครั้งแรกที่พวกเขานำฟุตบอลแบบสตรีทมาลงเล่นเกมภาคหลัก
ซึ่งในภาคนี้มีทั้งการเล่นแบบ 3v3, 4v4 หรือ 5v5 แบบโกลหนู หรือ แบบโกลฟุตซอล , แบบมีกำแพงหรือไม่มี เพราะฉะนั้นตำแหน่งในโหมดจึงไม่ได้ตายตัวแบบบอลสนามใหญ่อย่างแน่นอน โดยเฉพาะผู้รักษาประตูที่สามารถดันมาเล่นพาวเวอร์เพลย์ ขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้หรือไม่
นอกจากนี้คุณสามารถเลือกทีมไหนมาร่วมแข่งขันกันก็ได้ ซึ่งจะมีความรวดเร็วกว่าฟุตบอลปกติทั่วไป แต่ความเก่งกาจของทีมก็ไม่ได้ทำให้ผู้เล่นต้องเสียเปรียบหากเล่นทีมที่มีค่าพลังไม่มาก เนื่องจากการแข่งขันแบบ Volta นี้จะอาศัยการคิดเร็วทำเร็วและความไวในการใช้ก้านอนาล็อคเพื่อพลิกแพลงหลอกล่อคู่แข่ง นี่จึงถือว่าเป็นการมอบความสดให้กับเกมซี่รี่ย์นี้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกับ AI, เพื่อนหน้าจอเดียวกัน หรือแข่งขันกับผู้อื่นทางออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ถึงจะเป็นฟุตบอลแบบฟรีสไตล์ Volta Football ก็ไม่ได้มีการเล่นที่แฟนตาซีหรือเล่นท่าแบบเหนือชั้นอย่างที่เคยเห็นกันใน FIFA Street ภาคก่อนๆ
และที่สำคัญโหมดเนื้อเรื่องที่ใส่มาใน Volta ไม่ได้โดดเด่นและน่าสนใจเท่ากับ The Journey ใน 3 ภาคก่อนเลย แม้จะได้แข้งฟรีสไตล์ชื่อดังอย่าง เจย์ซินโญ่, ร็อคกี้ เฮฮาไคย่า หรือ โคทาโร่ โทคูดะ หรือ วินิซิอุส จูเนียร์ ดาวรุ่งของเรอัล มาดริด โผล่มาแจม ก็ไม่ช่วยอะไรมากนัก หรือถ้าให้บอกว่าไม่จำเป็นต้องมีเนื้อเรื่องเลยก็ได้ ก็อาจจะเข้าใจได้ง่ายกว่า
รวมไปถึง AI ของฝั่งคู่แข่งที่ดูแข็งแกร่งมากๆ แตกต่างจากในโหมดปกติ และน้อยครั้งมากที่มันจะแสดงความผิดพลาดให้เราเห็น ทว่ากับ AI ฝั่งของผู้เล่นเองกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ที่มักจะเคลื่อนไหวหาช่องว่างได้ไม่ดีเท่า หรือเติมเกมสูงไปจนลงมารับไม่ทันและเสียประตูไปในที่สุด
Career Mode ที่ต้องแก้ไขโดยด่วน
ในช่วงก่อนเกมวางจำหน่าย EA Sports ได้คุยโวไว้อย่างดีว่าจะปรับปรุงและยกระดับ Career Mode ให้มีความสดใหม่และน่าสนใจมากขึ้นกว่าภาคก่อน หลังไม่มีการอัพเดทอย่างเป็นเรื่องเป็นราวมานาน 2 ปี (ไม่นับการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก และ ยูโรป้าลีกที่เพิ่มเข้าในภาคก่อน)โดยในภาคนี้เราสามารถปรับแต่งตัวผู้จัดการได้มากขึ้น มีระบบ ถาม/ตอบ ของผู้จัดการทีมในช่วงงานแถลงข่าวก่อนเกมและหลังเกม หรือการพูดคุยกับนักเตะ ซึ่งทั้งหมดจะส่งผลต่อค่าสภาพจิตใจของผู้เล่น ที่จะส่งผลต่อฟอร์มการเล่น หรือบรรดาบอร์ดบริหารว่าโอเคที่จะให้เราเป็นกุนซือต่อไปหรือไม่
รวมถึงตัวระบบที่เพิ่มเข้ามาคือ Dynamic Player Potential ซึ่งก็คือ ศักยภาพของผู้เล่นจะเปลี่ยนไปตามประสิทธิภาพและผลงานในแต่ละฤดูกาล ถ้าหากผู้เล่นบางคนฟอร์มไม่ดี หรือเวลาที่ได้ลงเล่นน้อย ในฤดูกาลหน้าการพัฒนาของเขาก็อาจจะช้าหรือลดนั่นเอง
แต่ทว่าหลังจากที่เกมได้วางจำหน่าย เกมเมอร์ในโลกออนไลน์ต่างพากันถล่มยับว่า โหมดนี้ย่ำแย่ถึงขั้นทำให้ไม่สามารถทนเล่นต่อไปได้ ทั้ง ตารางการแข่งขันที่ยังอัดแน่น 4-5 นัดภายใน 2 สัปดาห์, การตอบคำถามก่อนและหลังการแข่งขันหรือสนทนากับผู้เล่นก็ทำได้ไม่ดีและธรรมดาไป, Dynamic Player Potential ที่ดูไม่คงเส้นคงวาและไม่มีความสมเหตุสมผลนัก, ทีมคู่แข่งตามไม่ยอมส่งนักเตะที่ดีที่สุดลงเล่น หรือแม้กระทั่งทีมอันดับต้นๆในพรีเมียร์ลีกของโลกแห่งความเป็นจริงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ ลิเวอร์พูล กลับต้องไปดิ้นรนหนีตกชั้นอยู่ท้ายตารางซะอย่างนั้น
หากอยากจะเรียกศรัทธาจากแฟนเกมซี่รี่ย์นี้คงต้องรีบการแก้ไขบั๊กและปล่อยแพทช์อัพเดทอาการนี้ให้ได้เร็วที่สุด ไม่งั้นแฟนบอลของพวกเขาอาจย้ายหนีไปเล่นเกมลูกหนังคู่แข่งก็เป็นได้
Ultimate Team ที่ดีตามมาตรฐาน
FUT เป็นโหมดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่หลายคนต่างคำถามในโหมดนี้อย่างมากว่าจะต้องลำบากตรากตรำกับการสร้างทีมในช่วงเริ่มแรกหรือไม่ และคำตอบที่ได้ต้องว่าถือเป็นข่าวดีจริงๆ
ภาค 2020 ได้ทำการรื้อ Objective ที่เคยมีเป็น Daily และ Weekly ออกไป และใส่ Objective มาใหม่เป็นแนว Season แทน ซึ่งในแต่ละ Season ก็จะมีระยะเวลาราวๆ 2 เดือน ให้สะสมค่าประสบการร์ เพื่อแลกแพค,แลกของ,แลกนักเตะยืม ซึ่งถือเป็นวิธีที่ชาญฉลาดในการดึงให้ทั้งผู้เล่นหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ติดอยู่กับโหมดนี้นานหลายชั่วโมง
ส่วน Squad Battles ที่เป็นการแข่งกับทีม AI เพื่อปลดล็อกรางวัลในทุกๆวันจันทร์ ก็ได้รับการอัพเกรดด้วย โดยในภาคก่อนนั้น หากคุณพลาดการแข่งขันไป แมตช์นั้นก็จะหายไปตลอดกาล แต่ภาคนี้แมตช์เหล่านั้นยังคงอยู่ในระบบต่อไปตลอดทั้งอาทิตย์และสามารถรีเฟรชใหม่ได้ตลอดเวลาด้วย
สรุป
FIFA 20 มันยังคงเป็น FIFA ที่แฟนเกมส่วนใหญ่รู้สึกคุ้นเคยอยู่ แต่อาจจะต้องปรับตัวกับการปรับเกมเพลย์ให้ช้าลงกว่าพอที่แล้วพอสมควร แต่ถ้าคุณเบื่อฟุตบอลในสนามใหญ่ การเข้ามาของ Volta Football ก็ช่วยเพิ่มความสดใหม่ให้กับเกมได้เป็นอย่างดี
แม้ในเรื่องลิขสิทธิ์ของนักเตะและสโมสรต่างๆจะถูกเพิ่มขึ้นกว่าภาคก่อน แต่ Career mode คือสิ่งที่เป็นจุดด้อยของภาคนี้มากที่สุด อาจจะแย่ที่สุดนับตั้งแต่ FIFA มีโหมดนี้มาด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม หากคุณมองข้ามข้อเสีย และอดทนพอที่รอให้ EA แก้ไข หรือ เน้นเล่นออนไลน์หรือ ต้องการมีไว้เพื่อฆ่าเวลา หากิจกรรมสนุกๆทำกับเพื่อนๆที่เป็นคอบอลเหมือนกัน FIFA 20 ก็ยังเป็นเกมฟุตบอลที่ดีและคุ้มค่าเช่นกัน แม้จะไม่ใช่ภาคที่ดีหรือน่าประทับใจที่สุดก็ตาม
ข้อดี
- ลิขสิทธิ์ในโลกลูกหนังที่มากมายก่ายกอง (ยกเว้นยูเวนตุส)
- เกมเพลย์สมจริงและสนุกกว่าเดิม ต้องใช้ความคิดมากขึ้น
- Volta Football ที่เพิ่มความสดใหม่ได้มากๆ
- Ultimate Team ที่ยังสนุกแถมดูดเวลาไม่ต่างจากเดิม
ข้อด้อย
- Career mode ที่อัปเดตคอนเท้นต์ใหม่ แต่กลับทำไม่ได้อย่างที่คาดหวัง
- AI ไม่มีความสม่ำเสมอและแตกต่างกันมาก ทั้งในโหมดปกติ, Volta หรือ ออนไลน์
- โหมดเนื้อเรื่องใน Volta ที่ธรรมดา และคนละชั้นกับ The Journey
แหล่งที่มาและข้อมูลอ้างอิง
- https://www.fourfourtwo.com/features/fifa-20-review-volta-ultimate-team-street-smarts-unearth-life-beyond
- https://www.gamespot.com/reviews/fifa-20-review-premier-league/1900-6417313/
- https://www.polygon.com/reviews/2019/9/27/20887617/fifa-20-review-ps4-pc-xbox-one-volta-soccer-career
- https://www.techradar.com/reviews/fifa-20-review