ธรรมชาติสอนให้มนุษย์เรียนรู้จากความล้มเหลวเพื่อเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ แต่จะมีสักกี่คนที่ล้มครั้งแล้วครั้งเล่า ชีวิตอับโชคเจอมรสุมถาโถมเข้าใส่ แต่ไม่เคยยอมแพ้ มุ่งหน้าเดินต่อไปเพื่อหวังจะประสบความสำเร็จในสักวัน

“Themiang” หรือ เมี่ยง-ณัฐยศ ศิริกายะ นักแข่งเกม Gran Turismo(GT) คือหนึ่งในนั้น ครั้งหนึ่งเขาเคยมีทุกอย่างพร้อม ครอบครัว ฐานะการเงิน อิสระในชีวิตที่เลือกทำทุกได้อย่าง ไม่เว้นแม้แต่การเป็นนักแข่งรถ แต่ทุกอย่างกลับพังทลาย เมื่อพ่อของเขาเสียชีวิตกะทันหัน จนชีวิตติดลบมองไม่เห็นแสงสว่างใดๆ



แต่เกมกลายเป็นสิ่งที่เขาเลือก ช่วยให้เขากลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง และถึงขั้นก้าวสู่มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกอย่างโอลิมปิก ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างไร แต่ละช่วงเวลาเขาผ่านความยากลำบากแค่ไหน One Esports จะพาคุณไปติดตามเรื่องราวทุกซอกมุมของชีวิต Themiang

Start Race

วัยเด็กของ เมี่ยง เป็นชีวิตที่หลายคนต้องอิจฉา ครอบครัวมีฐานะการเงินมั่นคง คุณพ่อเป็นเจ้าของบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องยนต์เครื่องบิน ดังนั้นความฝันเป็นนักแข่งรถ กีฬาที่ต้องใช้ทุนตัวเองในตอนเริ่มต้น จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะลงมือทำ

“ตอนแรกผมอยากเป็นนักแข่งรถ พอมาช่วงอายุ 20 ปี ต้นๆผมมีความฝันอยากลงไปแข่งรถในสนามจริง” เมี่ยง เล่าถึงจุดเริ่มต้นความฝันแรกกับการเป็นนักแข่งรถ

“ครอบครัวผมไม่เกี่ยวอะไรกับการแข่งรถหรอก ผมแค่คนๆหนึ่งที่ชอบรถยนต์ ตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่รู้ว่า ผมชอบ เขาก็จะซื้อรถเป็นของเล่นเหมือนปลูกฝังไปในตัว โตมากลายเป็นว่า เราอยากลองทำด้านนี้” 

ด้วยฐานะทางบ้านที่มั่นคง เมี่ยง ได้รับการศึกษาอย่างดี เขาเข้าศึกษาระดับไฮสคูลที่ RAIS (โรงเรียนนานาชาติ แอดเวนต์รามคำแหง) ก่อนจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุ 16 ปี ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะ Business English Communication เพื่อวันหนึ่งเมื่อเรียนจบ เขาจะกลับไปต่อยอดธุรกิจครอบครัวแบ่งเบาภาระคุณพ่อ และสร้างฐานะให้มั่นคง รวมถึงการเป็นนักแข่งรถที่เขามีโอกาสทำฝันนั้นสำเร็จ

แต่ในขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี พายุลูกแรกก็โถมเข้าใส่ เมื่อคุณพ่อเสียชีวิตกะทันกันด้วยโรคมะเร็ง ตอนที่เขาอายุเพียง 17 ปี

“ตอนนั้นฐานะทางบ้านถือว่า ดีมากๆ ก็เรียนหนังสือไปตามปกติ แต่คุณพ่อเสียหลังจากนั้นที่บ้านก็ล้ม ผมไม่ได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย มันไม่ใช่แค่มาเริ่มสร้างชีวิตใหม่ แต่มันติดลบ เพราะมีหนี้สิน”

เมื่อเสาหลักของบ้านล้มลง ชีวิตเด็กคนหนึ่งที่อนาคตกำลังสดใสกลับพลิกผัน เขาต้องหยุดเรียนมหาวิทยาลัย และเบนเข็มศึกษาต่อกับ GED (General Educational Development) ซึ่งเป็นหลักสูตรสหรัฐอเมริกา เทียบเท่าวุฒิม.6 เพราะแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว ทุกอย่างดูไร้ทางออก ในตอนนั้นคงหนีไม่พ้นหางานพิเศษทำ เพราะเขายังไม่มีวุฒิการศึกษามากพอจะทำงานที่มั่นคง แต่ในขณะที่ทุกอย่างมืดมน เขากลับเห็นสิ่งหนึ่งที่เปรียบเหมือนแสงสว่างให้ชีวิตก้าวต่อไป นั่นคือ เกม

GT Academy คือ การแข่งขันสุดยิ่งใหญ่กับเกม Gran Turismo ซึ่งเป็นการแข่งที่จะทำให้นักแข่งก้าวสู่การเป็นนักขับรถแข่งมืออาชีพ ที่เปลี่ยนผ่านจากเกมสู่สนามแข่งจริง โดยในเวลานั้นกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรปนับตั้งแต่ก่อตั้งครั้งแรกในปี 2008 กับรายการที่ให้คนมีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักขับรถแข่งมืออาชีพ ได้มีโอกาสพิสูจน์ฝีมือบนสนามจริง ซึ่งจากความนิยมอย่างต่อเนื่องจึงมีโอกาสเป็นไปได้ว่า GT Academy จะขยายฐานเปิดการแข่งในเอเชีย

“ตอนนั้นผมหาทางออกไม่เจอ มันเคว้งไปหมด แต่ใครๆก็พูดว่า ให้ทำในสิ่งที่อยากทำ การขับรถมันเป็นอย่างเดียวที่ผมนึกออก ผมไม่รู้ว่า ตัวเองบ้าหรือเปล่า เพราะได้แต่คิดว่า GT Academy จะเข้ามาเอเชีย แล้วมันก็เข้าจริงๆ”

“ชีวิตตอนนั้นผมไม่เหลืออะไรแล้ว บางคนอาจบอกว่า ทำงานอย่างอื่นก็ได้ แต่ผมมองว่า ผมทำตรงนี้ได้แล้วจะให้เราทิ้งไปได้อย่างไร อย่างน้อยๆก็ควรลองทำสักครั้งสิ”

เมี่ยง ที่ติดตามรายการนี้มานานได้เห็นการขยายโปรแกรมแข่งขันในทวีปต่างๆอย่างต่อเนื่อง ในเวลานั้นเขามองว่า GT Academy จะต้องเปิดตลาดในไทยอย่างแน่นอน ซึ่งก็เกิดขึ้นจริงเมื่อ GT Academy เข้าสู่ประเทศไทย หนแรก ในปี 2014 เพื่อเปิดโอกาสให้นักเล่นเกม Gran Turismo 6 เป็นตัวแทนประเทศไทยลงแข่งขันในระดับสากล

เมื่อโอกาสรออยู่ตรงหน้า เขาตัดสินใจพุ่งใส่ทันที…

Race 1 : เส้นชัยที่ไปไม่ถึง

“ผมซื้อเกม Gran Turismo มาเตรียมพร้อมเพราะอยากเริ่มซ้อม พอลองมานั่งเล่นผ่านไป 2-3 เดือนก็รู้ว่า เราไปได้นะ เพราะเวลาที่ทำได้ในการแข่งของเรากับเวลาที่แข่งระดับโลกมันสู้ได้ ผมเลยคิดจะใช้เกมเป็นบันไดไต่สู่การแข่งรถจริง”

เพราะชีวิตต้องสู้ทำให้ เมี่ยง ตัดสินใจทุ่มสุดตัวสำหรับ GT Academy  ซีซั่น 1 การแข่งครั้งนี้ไม่ใช่แค่เติมความฝัน แต่ยังมีเงินรางวัล 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาต้องการเพื่อนำมาช่วยเหลือครอบครัวที่กำลังลำบาก แต่เขาเริ่มเล่นในปี 2013 ถือว่าค่อนข้างช้า ทำให้ต้องซ้อมหนักกว่าคนอื่นเพื่อตามให้ทัน และย่อมเจอความยากลำบากเป็นธรรมดา

“เงินรางวัลในปีนั้นมากถึง 30 ล้านบาท แถมได้แข่งรถกับ Nismo ก็คิดว่า เอาให้สุดทางเดียวเลย แต่ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่ามันจะเข้าไทยไหม คิดอย่างเดียวถ้าเข้ามาเปิดแข่งในไทย ถึงตอนนั้นผมต้องซ้อมเพื่อพร้อมให้มากกว่าคนอื่น”

“ก่อนหน้านั้นที่จะไปแข่ง ปกติในไทยมีการแข่งแค่ปีละครั้งจากทาง Sony Computer Entertainment  ที่จัดเอง เป็นรายการที่จะพาคนแข่ง Gran Turismo ไปแข่งขันที่ญี่ปุ่น ซึ่งผมได้ไปมาครั้งหนึ่งชื่อ BMW Z4 Challenge 2014 ตอนนั้นผมเป็นแชมป์คนไทยของอีเวนท์นี้ และเป็นการแข่งต่างประเทศครั้งแรก”

จากประสบการณ์ทั้งสนามซ้อม และการแข่งจริง เมี่ยง พัฒนาฝีมือมากขึ้น เขาพร้อมแล้วสำหรับการแข่งขัน GT Academy ที่รอมานาน ซึ่งเพียงปีแรกเขาเก่งกาจจนได้เป็นแชมป์ แต่กลับพลาดไปแข่งต่อที่ยุโรป…

“ผมเข้าแข่ง GT Academy ทั้งหมด 2 ปี ซีซั่นแรกผมติดเป็น 1 ใน 6 คน แต่ไม่ได้บินไปแข่งที่อังกฤษ เพราะวีซ่าไม่ผ่าน”

“วันนั้นรู้สึกแย่มากๆกับปีแรกที่ไม่ได้ไป ผมซ้อมมาประมาณปีหนึ่ง ผมขับสนามซิลเวอร์สโตนทั้งปี  กับรถ Nissan อย่างเดียว เพราะรู้ว่าโจทย์ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ เราต้องขับให้ได้เวลาเท่านี้ แต่ก็ต้องอดไป”

จากรายการที่รอคอยจะประสบความสำเร็จ กลับเป็นความทรงจำที่น่าผิดหวัง เมื่อต้องยุติเส้นทางตั้งแต่ยังไม่เริ่ม โดยปีนั้น เบ๊บ หรือ ฐนโรจน์ ธนาสิทธิ์นิธิเกตุ นักแข่งในชุดเดียวกัน กลายเป็นแชมป์ นิสสัน GT Academy คนแรกในไทย ไปแข่งขันชิงแชมป์โลกแทน

แต่ เมี่ยง ยังไม่หมดหวัง เขากลับมาพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในซีซั่น 2 และคว้าแชมป์ประเทศไทยได้สำเร็จ

“ปีต่อมาผมทำได้ดีกว่าเดิมมาก แต่ยังดีไม่มากพอในการแข่งรถจริง เพราะสุดท้ายประสบการณ์แข่งรถจริงผมไม่มีเลย ทำให้ตื่นเต้นขับเร็วมาก ทุกคนวิ่งด้วยเวลา 1 นาที 18 ผมคนเดียววิ่ง 1 นาที 17 จาก 6 ประเทศ ผมวิ่งเร็วสุด แต่เราไม่มีประสบการณ์มากพอ พอถึงรอบ Final ก็เกิดการชนกัน ผมวิ่งเร็วจริง แต่การแซงยังคำนวณระยะได้ไม่ดีจนเกิดอุบัติเหตุ”

“ปีที่สองผมเป็นคนไทยที่ได้แชมป์ ได้ลงแข่งรอบ Final แต่ผมอดได้แชมป์กับเงิน 30 ล้านกลับมา แต่ตอนได้ขับรถแข่งจริงมันเหมือนเติมความฝันของเราที่เคยคิดไว้ ผมได้ขับรถเยอะมากทุกแบบรวมถึง ฟอร์มูลา วัน มันเป็นอะไรที่เติมเต็มฝันมากๆ”

เดิมแชมป์  GT Academy จะได้รับโอกาสพิสูจน์ฝีมือแข่งรถจริงในรายการ MICRA Cup ที่ ประเทศแคนาดา ซึ่ง เมี่ยง ในฐานะแชมป์ปี 2015 กำลังจะได้เป็นนักแข่งรถอย่างที่เคยฝันไว้ ถือเป็นการต่อยอดสู่เส้นทางนักแข่งอาชีพ แต่หลังคว้าแชมป์สำเร็จ สิ่งที่ตั้งตารอกลับไม่เกิดขึ้น

“ตอนนั้น เบ๊บ ไปเก็บตัวที่ประเทศแคนาดาเพื่อแข่งให้ Nissan ผมเห็นโอกาสว่า ถ้าผมชนะในซีซั่น 2 ผมมีโอกาสได้แข่งรถต่อ ผมตั้งหน้าตั้งตาทำเต็มที่ จนตอนจบได้เป็นแชมป์ คือต่อให้แพ้รอบ Final แต่ Nissan ก็ยังคงซัพพอร์ท แต่ตอนนั้นเป็นช่วงที่ Nissan มีปัญหาภายใน กลายเป็นผมถูกตัดงบ ผมอดไปแข่ง”

เบ๊บ – ฐนโรจน์ ธนาสิทธิ์นิธิเกตุ แชมป์ GT Academy ซีซั่นแรก ได้เข้าแข่งขัน MICRA Cup ที่ ประเทศแคนาดา และคว้ารองแชมป์กลับมา แต่ เมี่ยง แชมป์ GT Academy ซีซั่น 2 ต้องพลาดโอกาสนั้นอย่างน่าเสียดาย เขาต้องกลับไปสู้ชีวิตอีกครั้งอย่างยากลำบาก

ก่อนที่วันหนึ่งชายต่างชาติที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนาม Timo kojo จะดึงเขากลับสู่เส้นทางแข่งรถอีกครั้ง…

Race 2 : Themiang เจ้าหนูมหัศจรรย์

“วันหนึ่งผมไปนั่งทานข้าวกับป้าที่เป็นเพื่อนของคุณพ่อ เขาเห็นว่า เราลำบากก็เรียกไปหาให้งานทำ เดินเอกสารอะไรประมาณนี้ แล้วก็มีคนชื่อ Timo kojo” เมี่ยง เล่าถึงชายคนที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตเขา

“เขาเป็นนักร้องมีชื่อของประเทศฟินแลนด์ เขาชอบการแข่งรถ ป้าไปคุยกับเขา พอ Timo รู้ว่า ผมกำลังแข่งรถอยู่เขาก็ให้ผมลองไปเทสเดี๋ยวออกเงินให้”

“หลังเทสวันแรก เขาเห็นเวลาที่ผมวิ่งก็บอกเลยว่า ยูเอา 1 ใน 3 ของฟินแลนด์ไปเลย การันตีว่าได้แน่ๆ จากนั้นก็วิ่งหาสปอนเซอร์ ก็เดินทางไปแข่งที่ฟินแลนด์”

เมี่ยง ลงแข่งขันรายการ ฟินนิช ทัวร์ริ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2017 รุ่น V-1,600 cc ไม่มีใครรู้จักว่า เขาคือใคร แต่ เมี่ยง กลับสร้างเซอร์ไพรส์ เพื่อคว้าแชมป์มาครอง แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ เขาใช้เกมสำหรับซ้อมก่อนแข่งสนามจริง

“เราต้องประหยัดงบที่มีทำให้เช่าสนามซ้อมได้แค่ 3 วัน ผมลงแข่งสนามแรกในรอบคัดเลือกได้ที่ 3 โค้งสุดท้ายผมแซงรองแชมป์เก่าปีที่แล้ว คนที่เห็นเขาบอกว่า ผมบังคับรถคันนั้นได้เหมือนแขนขาเลยเรียกผมว่า เจ้าหนูมหัศจรรย์ 

“คนที่นั่นแปลกใจที่ใครก็ไม่รู้มาคว้าแชมป์ที่นั่น เขาก็ถามว่า ทำได้อย่างไรเพราะซ้อมแค่ 3 วัน ตลอดการแข่ง 10 วัน ผมตอบไปว่า เราใช้เกมซ้อมที่อพาร์ทเมน ผมขนอุปกรณ์เกมไปจากไทย ความต่างของเกมกับการขับจริงคือเรื่องแรง G เกมเรานั่งในห้องเฉยๆ มุมการกดคันเร่งมันกดเหมือนเดิมได้ทุกครั้ง  แต่รถจริงเราโดนเหวี่ยงการเหยียบคันเร่งก็ต่างจากการนั่งเฉยๆ ที่เหลือใกล้เคียงกันหมด แต่ผมใช้เกมนี้แหละซ้อม ขอแค่มีสนามกับรถที่ใกล้เคียงกับการแข่งจริงมันใช้ได้หมด”

“ที่ฟินแลนด์เขามองว่า สนามบ้านเขาวิ่งยาก ยิ่งรู้ทีหลังว่า ผมแข่งครั้งแรกในชีวิตก็ยิ่งตกใจ ตอนนั้นดังจนมีคนไทยในฟินแลนด์ต้องตามมาดูแข่ง รายการนั้นเหมือนเปลี่ยนชีวิต ผมพูดกับตัวเองตลอดถ้ามีโอกาสจะทำให้ดู ยอมรับว่า เคยหดหู่ที่อดไปในซีซั่นแรก เราอยากพิสูจน์ตัวเองบ้างมาตอนนี้ได้ทำแล้ว มันรู้สึกดี”

ความฝันที่ถูกเติมเต็มกับการแข่งรถจริงทำให้ เมี่ยง ไม่รู้สึกค้างคาใจ เพราะครั้งหนึ่งเขาอยากขอพ่อไปทำตามฝันกับการแข่งรถ แต่พ่อล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งพอดี คุณแม่จึงอยากให้เขาประหยัดเงินเอาไว้เป้นค่ารักษาพยาบาล เมี่ยง จึงต้องหยุดฝันเอาไว้ แต่มาวันนี้เขาทำสำเร็จ และไปถึงแชมป์ในต่างแดน

หลังจบการแข่งขันทางทีมอยากให้เขาลงแข่งขันต่อ แต่เป็นทีม Ralli ไม่ใช่ Racing อย่างที่เขาถนัด แต่ เมี่ยง ก็พร้อมลงแข่ง อย่างไรก็ตามด้วยเงื่อนไขที่ต้องบินไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเพื่อเก็บตัว ประจวบเหมาะกับภรรยาให้กำเนิดลูกคนแรก เมี่ยง จึงตัดสินใจเลือกครอบครัวมาเป็นอันดับแรก ยอมทิ้งโอกาสตรงหน้า เขามองว่า เวลานั้นความฝันไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป

“ตอนนั้นผมต้องปฏิเสธทีม เพราะสิ่งสำคัญไม่ใช่ความฝันของผม แต่เป็นครอบครัว พูดตามตรงผมทำฝันสำเร็จไปแล้ว ผมเป็นแชมป์ไปแล้วทั้งเกม และรถจริง มันมากพอจะหยุดได้ ณ ตอนนั้น พอกลับมาก็เป็นข่าวเยอะมาก มีคนสนให้ความสนใจ แต่ชีวิตต้องล้มอีกทีเพราะไม่ได้แข่งต่อ”

“ผมหันไปทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์เป็นอู่ทำสีขนาดเล็ก แต่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง กลับมาแรกๆก็ยังแข่งเกมอยู่ แต่รายได้ไม่เยอะ เพราะเกมมันยังไม่บูม เป็นอาชีพไม่ได้ยังไม่มีทีมที่เซ็นสัญญานักแข่งจริงจัง เพราะยังไม่มีโปรลีก ตอนนั้นทำอะไรก็ไม่สำเร็จไป เคยไปเป็นลูกน้องคนอื่นโดนกดค่าแรงวันละ 100 บาท ก็เคยมาแล้ว”

Gran Turismo ยังไม่เป็นที่นิยมในไทย ทำให้ไม่มีทัวร์นาเมนต์รองรับมากพอ โอกาสทำเงินเป็นอาชีพหลักแทบเป็นศูนย์ ส่งผลให้ เมี่ยง เกิดความลังเลจะไปต่อหรือมุ่งประกอบอาชีพอื่น แต่ “พลอย” ธัชพรรณ วิจิตตรานนท์ แฟนสาว ซึ่งเคยลงแข่งที่ฟินแลนด์ด้วยกัน บอกให้เขาลองดู เพราะการได้ทำในสิ่งที่รักมักทำได้ดีเสมอ

เมี่ยง สลัดความลังเลตัดสินใจลุยต่อ เขาไม่กลัวความผิดหวังอีกต่อไป และพร้อมเผชิญอุปสรรคทุกรูปแบบ

Race 3 : แชมป์ GT คนแรกของไทย

ปี 2019 กรังด์ปรีซ์ จับมือเดินหน้าโครงการ GP eRacing ซึ่งเป็นศูนย์รวมของคนรักกีฬา อีสปอร์ต ประเภทการแข่งขันรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยมีแผนจัดแข่งขันที่มีมาตรฐาน ยกระดับสู่สากล และเริ่มเปิดให้ผู้สนใจร่วมแข่งขัน Gran Turismo ซึ่งได้รับการตอบสนองอย่างดีในไทย

GT ถึงเวลาบูมสุดขีดกลายเป็นกระแสที่คนรักเกมแข่งรถมารวมตัวกัน โดย GP eRacing ได้จัดการแข่งขันขึ้น และมีผู้เข้าร่วมมากมาย โดย เมี่ยง เป็นหนึ่งในนั้น

“พอรู้ว่า GT เปิดรับสมัครที่ในงาน Comic Con ที่พารากอน ผมมองว่า การที่เขาซื้อลิขสิทธิ์แสดงว่ามันต้องมีอะไร ผมก็สมัครแข่ง และจบด้วยที่ 2 จริงๆตอนนั้นผมขายพวงมาลัยทิ้งไปแล้วด้วย ตอนซ้อมเลยต้องไปยืมคนอื่น พอถัดมาเขาจัดอีกก็วิ่งหาสปอนเซอร์จนได้ Seth Gaming เข้ามาสนับสนุน ก่อนจะเป็นแชมป์ GP eRacing Series 2019 ที่จัดปีแรก”

ปีถัดมา เมี่ยง ได้ทีมแข่งรถจริงอย่าง PSC Motersport เจ้าของบริษัท P1 Composite และ Amber Farm เข้ามาสนับสนุน เวลานั้น Gran Turismo Pro Series เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยเป็นการแข่งขันระดับอาชีพครั้งแรก แข่งทั้งหมด 3 ซีซั่นใน 1 ปี เมี่ยง ลงแข่งใน Class A ซึ่งสูงสุด โดยจะคัด 2 ทีมสุดท้ายของตารางตกลงไปแข่ง Class B

รูปแบบการแข่งขันเป็นแบบสะสมคะแนน ซึ่งหลังจบซีซั่นแรก เมี่ยง ทำคะแนนดีสุดกลายเป็นแชมป์ Gran Turismo Pro Series คนแรกในประวัติศาสตร์ และได้รับถ้วยพระราชทานจาก สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ในฐานะแชมป์ประเทศไทย กีฬาประเภท Digital Motorsport

ปี 2020 กลายเป็นปีทองของเขา เมื่อยังเดินหน้าแข่ง GT รายการใหญ่ต่อเนื่องกับศึก GR Supra GT Cup Asia 2020 – Regional Round เขาเป็นคนไทยหนึ่งเดียวห้ำหั่นกับ มูฮัมหมัด อาลีฟ นักแข่งชาวสิงคโปร์ และ ทัจ ไอมาน นักแข่งชาวมาเลเซีย ก่อนเป็น อาลีฟ ที่คว้าชัยรอบภูมิภาคไปครอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เมี่ยง มีโอกาสทำเวลาดีกว่าดี ทว่าระหว่างแข่งอินเตอร์เน็ตเกิดหลุดจึงทำให้เวลาตกลงไป และพลาดชัยชนะในที่สุด

Race 4 : โอลิมปิก

“ผมมองว่า Grand Turismo จะไปได้ไกลกว่าเกมแข่งรถอื่นๆเลยเลือกตรงนี้เพราะคิดว่า ดีที่สุด พอมาเห็นข่าวโอลิมปิกเราก็เตรียมตัวเลย รอเขาประกาศสนามและรถแล้วซ้อมรอเลย” เมี่ยง เล่าถึงจุดเริ่มต้นเตรียมความพร้อมก่อนล่าตั๋วไปโอลิมปิก

คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ประกาศเตรียมจัดงาน Olympic Virtual Series (OVS) ก่อน มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จะเริ่มขึ้น ซึ่งเป็นงานแข่งวีดีโอเกมจาก 5 ชนิดกีฬาที่ใช้แข่งขันในโอลิมปิก และถือเป็นครั้งแรกที่ Virtual Sports หรือกีฬาเสมือนจริงได้รับลิขสิทธิ์ใช้ชื่อโอลิมปิกอย่างเป็นทางการ โดยมี Gran Turismo เป็นหนึ่งในนั้น

“ในเอเชียมีเพียง 4 โควตา จาก 10 ประเทศ ประเทศหนึ่งจะเอานักแข่งที่เร็วที่สุดแค่คนเดียว เราต้องแข่งทั้งคนไทยและชาติอื่นในเอเชีย ดังนั้นการจะได้โควตานี้คือเราต้องเร็วที่สุด ตลอด 10 วัน ผมขับรถไปทั้งหมด 7-8,000 กิโลเมตร”

“ช่วงไตรมาสแรกผมกดเวลาได้เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย แต่ 3-4 วันจากนั้นผมมาโดนแซง แต่มาช่วงกลางๆไตรมาส ผมแซงกลับมาเป็นที่ 3 ก็หนีอันดับกันมาเรื่อยๆ จนจบการแข่งขันติด 1 ใน 16 คนที่ได้ไปโอลิมปิก”

ตลอด 10 วัน เมี่ยง ต้องลงแข่งด้วยความยากลำบาก เพราะเขาทั้งซ้อม, ทำงาน และแข่งเกม จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน

“จริงๆผมรับงานเป็นโค้ชสอนเกมนี้โดยเฉพาะ กำลังเทรนด์ให้ทีม B-Quik eRacing สอนอยู่ที่ย่านสาทร  เริ่มตั้งแต่9.00-20.00 น. แต่พอเป็นช่วงแข่งโอลิมปิกเลยไม่ค่อยได้พักผ่อน แต่ละวัน ผมต้องตื่น 8.00 น. ออกจากบ้านไปสาธรให้ทัน 10.00 น. เลิกอีกที 19.00 น. จากนั้นกลับถึงบ้าน 21.00 น. แล้วซ้อมเกมจนถึง 05.00 น.”

“ช่วง 10 วันที่ผ่านมา ผมนอนวันแค่ละ 3 ชั่วโมง คือทุกอย่างมันกะทันหันเรามีงานที่เราทิ้งไม่ได้ แต่ผมก็ไม่อยากทิ้งโอลิมปิก เลยเอาเวลานอนทิ้งไป แล้วเลือกซ้อมแข่งแทน เพราะ 4 ปี จะมีสักที มันต้องทำให้สุด”

จากความอดทนยอมสละเวลานอนเพื่อเดิมพันตั๋วไปโอลิมปิก เขาทำสำเร็จเมื่อด้วยทำเวลา 1’55.419 ติดเป็นอันดับ 3 ของเอเชียผ่านการคัดเลือกเป็น 1 ใน 16 ผู้เล่นของโลกที่ได้สิทธิ์เข้าแข่งขัน Olympic Virtural Series และเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ลงเล่นรายการนี้

“ถ้าเทียบตอนได้แชมป์ที่ฟินแลนด์ ผมรู้สึกว่า การได้ไปโอลิมปิกน่าจะดีใจกว่า เพราะตอนนั้นเหมือนมีโอกาสเข้ามาหาเรา แต่กับโอลิมปิกเราต้องทำเองทุกอย่าง ไม่มีใครซัพพอร์ทเราต้องทำด้วยตัวเองตั้งแต่เริ่ม พอทำได้มันเลยมีค่ามากๆ

Grand Final

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เมี่ยง ล้มลุกคลุกคลาน เขาเคยมีทุกอย่าง ก่อนจะตกถึงจุดต่ำสุด ชีวิตมีขึ้นมีลงต้องสู้กับอุปสรรคที่เข้ามาทดสอบเขาเสมอ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่ทำให้เขามีวันนี้คือ เกม ที่สร้างชีวิตใหม่ให้เขา และครอบครัวอย่างมั่นคง

“เกมมันให้ชีวิตผม วันนั้นผมทิ้งชีวิตมาไว้ตรงนี้ ผมเจอคำดูถูกเยอะมากตั้งแต่ตอนเริ่มเล่น อย่างการแข่งรถจริงคนชอบมองว่า บ้านต้องมีเงินเขาไม่กล้าออกความเห็น แต่พอมาจับเกมทุกอย่างเปลี่ยน มีคนดูถูกเยอะมาก เล่นแต่เกมไปวันๆ นักแข่งบางคนที่เคยอิจฉาว่า เราได้ไปแข่งเมืองนอก เขาพูดว่า ตอนนี้ตกอับจนต้องไปแข่งเกม”

“ในสายตาคนอื่นอาจแย่ แต่สำหรับผมการแข่งขันนี้มันสูงมาก เราได้แข่งกับนักแข่งทั่วโลกตลอดเวลา ซึ่งมีนักแข่งรถอาชีพจริงๆด้วย แต่ส่วนหนึ่งก็มีคนคอยซัพพอร์ท ยกย่องเรา เกมทำให้เรารู้ว่า เราทำได้มีแค่ตรงนี้ก็พอ”

“โอลิมปิกช่วยตอกย้ำว่า มันเป็นอาชีพได้จริงๆ แน่นอนการขับรถจริงมันกว่า แต่ตรงนี้มันก็เป็นการแข่งมากพอที่ทำให้เรารู้สึกว่า ไม่ได้หายจากวงการแข่งรถ แค่เปลี่ยนเป็นตัวเกมเท่านั้น หากเทียบกันตอนนี้ผมมองการแข่งเกมมากกว่ารถจริง เพราะเกมให้ทุกอย่างกับผม”

หากย้อนเวลากลับไปได้ตอนคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ เมี่ยง อยากลงแข่ง และอยากให้พ่อของเขาได้เห็นถึงความตั้งใจ แม้สุดท้ายจะไม่ทันได้บอก แต่วันนี้เขาก็ภูมิใจว่า สิ่งที่เขาเคยหวังไว้ เขาสามารถทำสำเร็จ ไปถึงแชมป์ทั้งการแข่งเกม และรถจริง

“ผมเชื่อว่า ถ้าพ่อยังอยู่แล้วบอกเขาไปว่า เราอยากทำตรงนี้ผมเชื่อว่า พ่อให้ ผมเคยมานั่งคุยกับแม่ว่า วันนี้ผมไปได้ถึงขนาดนี้ แม่ว่า พ่อจะคิดยังไง เขาก็บอกเอาจริงๆถ้าเราเอ่ยแต่เด็กว่าอยากทำ พ่อก็คงให้ไปแล้ว” เมี่ยง ปิดท้าย

อ่านเพิ่ม: Masaros : หนุ่มวัย 23 ปี ที่ทิ้งชีวิตเถ้าแก่น้อยเพื่อเป็นโปร Dota 2