เว็บไซต์รวบรวมข้อมูลอุตสาหกรรมเกม Superdataresearch.com ได้เผยข้อมูลถึง 10 อันดับ เกมฟรีที่ทำรายได้สูงสุดแห่งปี 2019 ออกมาให้ทราบแล้วว่ามีเกมใดที่รับทรัพย์ไปอย่างมหาศาล โดยส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นเกมที่ไม่ต่างจากปี 2018 แต่ก็มีเกมน้องใหม่บางส่วน ที่สามารถขึ้นมาติดอันดับได้ในที่สุด
ONE Esports จึงขอพามาชมว่า 10 เกมดังกล่าว จะเป็นเกมแนวไหน และทำไมถึงได้รับความนิยม จนสามารถทำเงินได้สูงสุดเป็น 10 อันดับเกมฟรีบนโลก
อันดับ 10 – Last Shelter: Survival
เกมมือถือแนววางแผนเอาชีวิตรอดในโลกซอมบี้ระบาดจากค่าย Long Tech/im30.net ที่เพิ่งเปิดให้บริการในปี 2018 ผู้เล่นจะต้องสร้างสถานที่ และดูแลทรัพยากรเพื่อเอาชีวิตรอดให้จนฐานทัพยิ่งใหญ่ รวมทั้งยังสามารถบุกไปโจมตีฐานทัพของผู้เล่นคนอื่นได้ ซึ่งก็ถือเป็นเกมที่ถูกใจทั้งผู้เล่นในแถบอเมริกา, ยุโรป, เอเชีย และในประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากเกมเพลย์ที่ออกแบบมาได้ดี รวมทั้งไม่ได้เน้นให้เติมเงินเยอะมากเกินไป ส่งผลให้ในปี 2019 ก็สามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้นถึง 1.1 พันล้านดอลล่าร์ (3.3 หมื่นล้านบาท)
Last Shelter: Survival ก็ยังถือเป็นเกมหน้าใหม่ประจำปีที่สามารถทำเงินสูงกว่า Monster Strike และ Clash Royale จากปี 2018 จนได้ติด 10 อันดับเป็นครั้งแรกอีกต่างหาก และในอนาคตก็อาจได้เห็นเกมดังกล่าวไต่ไปอยู่อันดับต้นๆ นั่นเอง
อันดับ 9 – Game For Peace (PUBG Mobile)
เกมโดดร่มบนมือถือจากค่าย Tencent ที่ใช้ชื่อในหลายๆ ประเทศว่า PUBG Mobile แต่ในประเทศจีนได้ใช้ชื่อว่า Game For Peace โดยด้วยความที่เกมดังกล่าวมีชื่อเสียงโด่งดังจาก PUBG เวอร์ชั่น PC มาก่อนหน้า ก็ทำให้ได้รับความนิยมจากเหล่าเกมเมอร์จากทั่วโลกขึ้นไปอีก เมื่อสามารถนำมาเล่นได้บนมือถือ ส่งผลให้ปี 2019 สามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้นถึง 1.2 พันล้านดอลล่าร์ (3.6 หมื่นล้านบาท)
Game For Peace (PUBG Mobile) ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเป็นเกมหน้าใหม่แบบ Last Shelter: Survival ที่สามารถทำเงินได้สูงกว่า Monster Strike และ Clash Royale จากปี 2018 จนติด 10 อันดับเป็นครั้งแรกเช่นกัน และด้วยช่วงหลังเริ่มมีการจัดแข่งขันอีสปอร์ตมากมายขึ้น ก็อาจทำให้ขยับมาอยู่อันดับต้นๆ ในปี 2020 นี้
ใครๆก็โดดร่ม! PUBG MOBILE มียอดดาวน์โหลดทะลุ 600 ล้านครั้ง
อันดับ 8 – Fate / Grand Order
เกมมือถือจากค่าย Aniplex Inc. ที่นำอนิเมะจักรวาล Fate / Stay Night มาทำให้กลายเป็นเกมแนววางแผนสวมบทบาท โดยผู้เล่นจะต้องตามหาตัวละครเอกจากอนิเมะเรื่องดังกล่าว มาร่วมทีมแล้วปราบเหล่าร้ายศัตรูที่เก่งขึ้นตลอดเวลา ซึ่งในปี 2018 ก็เคยทำรายได้สูงสุดอยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลล่าร์ (3.6 หมื่นล้านบาท) และภายในปี 2019 ก็ยังคงสามารถทำได้เท่าเดิม พร้อมเท่ากับเกม PUBG Mobile
Fate / Grand Order ยังถือว่าเป็นเกมที่สร้างจากอนิเมะ ที่สามารถทำเงินได้สูงมากที่สุดอีกด้วย โดยประเทศที่นิยมเล่นเกมดังกล่าวก็ไม่ใช่ที่อื่นไกล นั่นก็คือผู้ผลิตอนิเมะอย่างประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง
อันดับ 7 – Crossfire
เกมแนวสงครามยิงปืนมุมมองบุคคลที่หนึ่ง (FPS) บน PC ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2007 ในประเทศเกาหลีใต้ โดยค่ายเกม Nexon ก่อนที่ทาง Tencent จะนำมาเปิดในประเทศจีนภายในปี 2008 จนเกมได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบัน เพราะความสนุกที่ได้จากการนำเกมอย่าง Counter Strike มาต่อยอดจนลงตัว รวมทั้งยังสามารถทำเงินติด 10 อันดับเกมฟรีของเว็บไซต์ Superdataresearch.com มานานหลายปี โดยในปี 2019 ก็สามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้น 1.4 พันล้านดอลล่าร์ (4.2 หมื่นล้านบาท)
การทำรายได้ในปีดังกล่าวของเกมนี้ ยังส่งผลให้เห็นว่าตัวเกมได้รับความนิยมมากเรื่อยๆ ขึ้นไปอีก เนื่องจากสามารถทำได้เยอะกว่าในปี 2018 ที่ทำรวมไป 1.3 พันล้านดอลล่าร์ (3.9 หมื่นล้านบาท) จนต่างกับปี 2019 อยู่ที่ 1 ร้อยล้านดอลล่าร์ (3 หมื่นล้านบาท) เลยทีเดียว
อันดับ 6 – Pokemon GO
เกมจับโปเกม่อนบนมือถือของค่าย Niantic, Inc. ที่ให้ผู้เล่นต้องออกจากบ้านไปหาจับตามสถานที่ต่างๆ แบบเสมือนจริง แถมยังมีให้ผู้เล่นได้นำโปเกม่อนไปแข่งขัน หรือดวลกับคนอื่นได้ จนถือเป็นแนวเกมใหม่ที่ทำให้คนทั้งโลกสนใจอย่างมาก โดยภายในปี 2019 ก็สามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้น 1.4 พันล้านดอลล่าร์ (4.2 หมื่นล้านบาท)
นอกจากนี้ แม้เกมดังกล่าวจะสามารถทำรายได้เท่ากับเกม Crossfire ก็ยังถือเป็นเกมที่ทำรายได้เติบโตขึ้นจากปี 2018 ได้มากกว่าอยู่ที่ 1 ร้อยล้านดอลล่าร์ (3 หมื่นล้านบาท) เท่ากันอีกต่างหาก แต่ตัวเกมก็เพิ่งจะมาติดอยู่ใน 10 อันดับ ภายในปี 2018 แม้เกมจะเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2016 แล้วก็ตาม
อันดับ 5 – Candy Crush Saga
เกมมือถือปริศนาคู่สามผ่านด่านจากค่าย KING Digital Entertainment ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จนสามารถทำรายได้สูงสุดติดอันดับ 10 เกมฟรีมานานหลายปี โดยในปี 2019 ก็ยังมีการอัปเดตชุดใหญ่สุดยากไปอีกหลายด่าน จนสามารถทำรายได้รวมทั้งสิ้น 1.5 พันล้านดอลล่าร์ (4.5 หมื่นล้านบาท)
สำหรับเกม Candy Crush Saga ก็ถือว่าเป็นเกมที่ทำรายได้เติบโตก้าวกระโดดอย่างมากเลยทีเดียว เพราะในปี 2018 สามารถทำไปได้เพียงแค่ 1.1 พันล้านดอลล่าร์ (3.3 หมื่นล้านบาท) แต่ด้วยเวลาผ่านไป 1 ปี กลับทำได้มากกว่าถึง 4 ร้อยล้านดอลล่าร์ (1.2 หมื่นล้านบาท) นั่นเอง
อันดับ 4 – League of Legends
เกมสงครามเหล่าแชมเปี้ยนจากค่าย Riot Games ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2009 และยังคงเป็นเกมตีป้อมอันดับต้นๆ ที่ชาว PC จากทั่วโลกให้ความสนใจสูงสุดมาถึงปัจจุบัน จนทำรายได้ติดอันดับ 10 เกมฟรีมานานหลายปี พร้อมในปี 2019 ก็สามารถทำไปได้ทั้งสิ้น 1.5 พันล้านดอลล่าร์ (4.5 หมื่นล้านบาท) เท่ากับเกม Candy Crush Saga
ส่วนรายได้ของเกมสงครามเหล่าแชมเปี้ยนในปีนี้ ก็ถือว่าเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2018 ที่ทำไปได้ 1.4 พันล้านดอลล่าร์ (4.2 หมื่นล้านบาท) แต่ที่น่าจับตามองกว่าคือทางทีมพัตนา ได้เริ่มทำเกม League of Legends ฉบับมือถือออกมาในชื่อว่า Wild Rift ที่อาจส่งให้ผลทำกำไรสูงกว่าในปัจจุบันหลายเท่าตัว
ROV สะเทือน! RIOT เปิดตัว LOL : WILD RIFT เวอร์ชันมือถือและคอนโซล
อันดับ 3 – Honor of Kings (Arena of Valor)
เกมตีป้อมบนมือถือจากค่าย Tencent ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย และหลายๆ ประเทศในเอเชีย โดยได้ใช้ชื่อเกมในประเทศจีนว่า Honor of Kings และในหลายๆ ประเทศว่า Arena of Valor ขณะที่แถบประเทศไทยจะใช้ชื่อ Realm of Valor ซึ่งถือเป็นเกมที่ถ้าอยากหา MOBA มาเล่นบนมือถือ ก็ต้องนึกถึงเกมดังกล่าวเป็นสิ่งแรกเลยก็ว่าได้ ทำให้ในปีนี้ สามารถทำรายได้ทั้งสิ้น 1.6 พันล้านดอลล่าร์ (4.8 หมื่นล้านบาท)
เกมดังกล่าวนี้ ถือว่าเติบโตกว่าปีก่อนๆ จนอาจมีสิทธิ์ไปอยู่ในอันดับ 1 ได้ในอนาคตเลยทีเดียว เนื่องจากในปี 2018 ยังสามารถทำรายได้อยู่ที่เพียง 1.3 พันล้านดอลล่าร์ (3.9 หมื่นล้านบาท) แต่ในปี 2019 กลับแซงเกมตีป้อมบน PC อย่าง League of Legends ไปด้วยรายได้จำนวน 1 ร้อยล้านดอลล่าร์ (3 หมื่นล้านบาท) เสียแล้ว
อันดับ 2 – Dungeon Fighter Online
เกมแนวเก็บเลเวลออนไลน์ (MMORPG) สไตล์ 2 มิติ จากค่าย Nexon ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2005 ในประเทศเกาหลีใต้ ก่อนที่จะไปโด่งดังทั่วเอเชียผ่านประเทศญี่ปุ่นในปี 2006 และจีนในปี 2007 ซึ่งด้วยความที่เกมมีเอกลักษณ์ทั้งทางด้านกราฟิก และเกมเพลย์ ก็ส่งผลให้ได้รับความนิยม และติดอันดับทำรายได้ 10 เกมฟรีมานานแล้วเช่นกัน โดยในปี 2019 ก็ทำรายได้รวมทั้งสิ้น 1.6 พันล้านดอลล่าร์ (4.8 หมื่นล้านบาท) เท่ากับเกม Honor of Kings (Arena of Valor)
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่เติบโตจากปีก่อนๆ ได้ไม่ต่างจากเกมอื่น เพราะในปี 2018 สามารถทำรายได้อยู่ที่ 1.5 พันล้านดอลล่าร์ (4.5 หมื่นล้านบาท) และแม้เกมจะเปิดให้บริการมานานถึง 14 ปี ก็ยังสามารถคว้าอันดับ 2 ไปครอบครองสำเร็จ
อันดับ 1 – Fortnite
เกมโดดร่มตัดไม้สร้างบ้านจากค่าย Epic Games ที่สามารถเล่นได้บนทุกแพลตฟอร์มในยุคล่าสุด รวมทั้งได้รับความนิยมอันดับต้นๆ สำหรับเกมเมอร์ในแถบอเมริกา และยุโรป ด้วยเกมเพลย์ที่ตอบโจทย์อะไรหลายอย่าง ซึ่งถือเป็นเกมสำคัญของทางผู้พัฒนาอย่างมาก เพราะทำให้พวกเขาถึงขนาดมีงบมาเปิดร้านค้าขายเกมดิจิตอล Epic Game Store แข่งขันกับทาง Steam เลยทีเดียว โดยภายในปี 2019 ก็สามารถทำรายได้รวมไปทั้งสิ้น 1.8 พันล้านดอลล่าร์ (5.4 หมื่นล้านบาท)
แม้เกมดังกล่าวนี้ จะยังคงสามารถทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 แต่ก็ถือว่าทำได้น้อยกว่าปี 2018 ที่ทำไปได้ถึง 2.4 พันล้านดอลล่าร์ (7.2 หมื่นล้านบาท) โดยอาจเป็นเพราะว่าภายในปี 2019 ตัวเกมได้มีปัญหาเกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตหุ่นยนต์ยักษ์เข้าสู่เกม แล้วส่งผลให้ผู้เล่นหลายคนไม่พอใจจนสร้างแฮชแท็กบนทวิตเตอร์มาเรียกร้องกันเลยทีเดียว ส่งผลให้ผู้พัฒนาจะต้องหาวิธีรับมือกับตัวเกมมากขึ้น เพื่อไม่ให้เสียอันดับ 1 ในอนาคต
ปัญหาระดับโลก! ผู้เล่น FORTNITE รวมตัวขับไล่หุ่นยนต์ยักษ์ออกจากเกม
ทั้ง 10 เกมนี้ มีผลสรุปออกมาได้ว่าเป็นเกมที่เล่นได้บนมือถือจำนวน 7 ใน 10 เกม ,เล่นได้บน PC เป็นจำนวน 4 ใน 10 เกม และเล่นได้บนคอนโซลแค่เกมเดียวคือ Fortnite รวมทั้งมีเพียง 2 เกมเท่านั้นที่เพิ่งมาติดอันดับคือ Last Shelter: Survival และ Game for Peace (PUBG Mobile) ขณะที่ 2 เกมจากปี 2018 อย่าง Monster Strike และ Clash Royale ได้หายจากอันดับไปในที่สุด พร้อมอีก 8 เกม ที่ยังคงติดอันดับจากปีก่อนๆ ทำให้ต้องดูกันต่อไปว่าฉบับของปี 2020 จะมีเหตุการณ์ทำให้แต่ละอันดับต้องสั่นสะเทือนอีกหรือไม่