Lloyd หรือ บอส – จักรกฤษณ์ คงอุบล อดีตโปรเพลย์เยอร์ LoL ตัดสินใจกลับสู่วงการเต็มตัวอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้เขาเคยวางมือในวันที่ผิดหวังกับเส้นทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคที่ต้องแบกรับมายาวนาน เหตุผลที่ตัดสินใจหันหลังให้วงการในวันนั้นคืออะไร? ทำไมยอมทิ้งความฝันกับสิ่งที่ทำมา 10 ปี? อะไรที่ทำให้เขากลับมาอีกครั้ง? และในฐานะโค้ช EVOS League of Legends: Wild Rift วันนี้ความสำเร็จที่เขาตั้งเป้าหมายไว้เป็นอย่างไร
- EXCLUSIVE : Moss ในวันที่ต้องเติบโตบนเส้นทางโค้ช RoV
- ฟ้าหลังฝน : การกลับมาของ Cherie กับมุมมองชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม
One Esports จะพาคุณเจาะลึกทุกช่วงเวลาของชีวิต Lloyd จากวันแรกบนเส้นทางเกมเมอร์ถึงวันที่กลับมาสู่วงการอีกครั้งในฐานะโค้ช League of Legends: Wild Rift
หมายเหตุ: บทความนี้เขียนเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2561
เทพ Getamped
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปี ก่อนหน้านี้ Getamped คือหนึ่งในเกม Fighting ระดับตำนานที่โด่งดังที่สุดเกมหนึ่ง ประเทศไทยมีผู้เล่นที่นิยมจำนวนมากไม่ต่างจากมหาอำนาจแห่งวงการเกมอย่างเกาหลีใต้ ซึ่ง Lloyd คือหนึ่งในผู้ที่หลงใหล และมีฝีมือเก่งเกินวัย
“ผมมาเริ่มเล่น Getamped เพราะพี่ชายนี่แหละที่ชวนเล่น” Lloyd เท้าความวันวานกับจุดเริ่มต้นกับ Getamped ถือเป็นเกมแรกที่ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จังในวงการนี้
“แต่จุดเริ่มต้นของผมจริงๆกับเกมต้องบอกว่า มันเริ่มจากที่บ้าน ผมเป็นลูกหลง มีพี่ชายสองคนที่โตกว่าผมมากๆ ผมโดนพี่ชายบังคับให้เล่นเกมแข่งกับเขารู้สึกว่ามันยาก แต่ที่แปลกผมสามารถชนะเขาได้หลังจากนั้น 8 ขวบ กับ Getamped ผมเองรู้สึกว่า มันเป็นเกมที่ตลกดีก็เลยเล่นดู หลังจากนั้นผมตระเวนแข่งไปเรื่อย”
จากหนุ่มน้อยที่ชอบเล่นเกมคนหนึ่ง เขากลายเป็นนักแข่ง Getamped ที่ไล่ล่ารางวัลตามรายการต่างๆที่ถูกจัดขึ้นชื่อของ Lloyd มาพร้อมกับรางวัลความสำเร็จที่เขาสะสมไล่ลำดับจากก้าวแรก และไต่ไปเรื่อยๆไม่มีหยุด ณ เวลานั้น Lloyd กลายเป็นผู้เล่นที่เด็กที่สุดยามลงแข่งขันในทุกรายการ อีกทั้งยังถูกจัดเป็นผุ้เล่น Lloyd ที่มีแววมากที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย
“ตอนนั้นจำได้ว่า ผมยังเป็นเด็กตัวเล็กๆอยู่เลย แต่ไปตระเวนแข่งตามร้านอินเตอร์เน็ต เงินรางวัลก็ไม่ได้เยอะหรอก ผมอายนะตอนนั้นที่ยังเด็กหัวเกรียนไปแข่งเกม คือผมเด็กสุด แต่เรื่อฝีมือผมมั่นใจว่า สู้ทุกคนได้ ส่วนใหญ่คนโตกว่ามองว่า เราอ่อน แต่จริงๆการแข่งเกมไม่ได้วัดที่อายุมันอยู่ที่การซ้อม และความเข้าใจเกมมากกว่า”
“ผมเป็นคนชอบแข่งขันอยู่แล้ว ผมชอบการแข่งขันมากไม่ใช่เฉพาะในเกม แต่เป็นทุกเรื่องในชีวิต ผมชอบศึกษาพัฒนาตัวเอง แต่ยกเว้นเรื่องเรียนแค่เรื่องเดียว(ฮา) ตอนที่แข่ง ผมส่งตัวเองแข่งเอง ต้องบอกว่า ตัวผมไม่ได้มีประสบการณ์ในการแข่งเกมเท่าไหร่ แต่ผมอาศัยซ้อมหนักมากๆ ซ้อมทั้งวันทั้งคืน”
ความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร แม้จะโดนดูถูกฝีมือด้วยความเป็นเด็ก แต่ Lloyd พิสูจน์ให้เห็นว่า เขาคือของจริง เมื่อสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศการแข่งขันคัดเลือกตัวแทนประเทศไทย ประเภทเดี่ยว ไปแข่ง GetAmped World Festival 2010 ที่ประเทศญี่ปุ่น
แชมป์โลก GetAmped
Lloyd มุ่งหน้าสู่ประเทศญี่ปุ่นเข้าแข่งขันรายการ GetAmped World Festival 2010 ซึ่งเป็นเวทีใหญ่สุดในชีวิตของเขา ยิ่งกว่านั้นยังเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในวัยเพียง 14 ปี เท่านั้น
“ตอนนั้นผมชนะในไทยมาแล้วก็มั่นใจว่า การไประดับโลกมันเป็นเรื่อง โอ้โห นิดหนึ่ง แต่ไม่ใช่เรื่องการแข่งขัน แต่เป็นเพราะการแข่งตอนนั้นผมได้ไปประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผมชอบประเทศนี้อยู่แล้วก็รู้สึกดีใจ”
“ในเชิงการแข่งขันผมแค่รู้สึกว่า ตอนนั้นเราได้สู้กับนักแข่งจากต่างประเทศแล้ว แต่ส่วนมากสิ่งที่ต้องเจอคือความกดดันมากกว่า เพราะทุกคนที่เราต้องเจอ พวกเขาคือของจริงเหมือนเอาคนสองคนฝีมือเท่ากันมาดวลกันมันก็อยู่ที่ตอนนั้นใครจะรับแรงกดดันได้มากกว่า”
“บางคนเก่งจริงแต่กดดันมากๆเล่นไม่ได้ก็มี แต่ผมเป็นคนที่ยิ่งแข่งยิ่งกดดันก็จะทำได้ดีมากๆ การไปตอนนั้นผมได้ประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากๆ เพราะไม่ใช่ว่าใครจะไปก็ได้”
ในการแข่งขันชิงแชมป์โลก Lloyd ขับเคี่ยวกับตัวแทนจากประเทศอื่นได้สูสี โดยรอบรองชนะเลิศต้องเจอเจ้าภาพญี่ปุ่น ที่มีดีกรีเป็นอดีตแชมป์โลก แต่ก็สามารถเอาชนะ และผ่านเข้าไปเจอเกาหลีในรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะจัดการเอาชนะคู่แข่งกลายเป็นคนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลก GetAmped มาครองได้สำเร็จในวัย 14 ปี
“จริงๆก่อนไปผมเคยดูอยู่ห่างๆมาหลายปีจากที่เคยมีคนไทยไปแข่งเลยคิดว่าน่าจะยาก ผมก็อยากได้ประสบการณ์ตรงนั้น พอได้ไปมันก็ทำให้ได้รู้ว่า ประสบการณ์ที่ไปชิงแชมป์โลกมันต้องแลกกับอะไรที่เยอะมากๆ”
“แน่นอนว่าตอนนั้นมันกระทบเรื่องเรียน แต่ผมต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่โอกาสที่จะเข้ามาบ่อยๆเลยตัดสินใจทำเต็มที่ แต่ตอนนั้นมันก็แค่ทำตามความชอบไม่ได้จุดไฟอะไรขนาดนั้น”
“หลังจากกลับมาจากชิงแชมป์โลก ผมรู้สึกหมดความท้าทายกับเกมนี้แล้ว เพราะมองว่า มันไม่ได้มีอะไรมากกว่านี้แล้วเลยตัดสินใจหยุดดีกว่า รู้สึกว่า จบละเพราะเราประสบความสำเร็จไปแล้ว”
Lloyd ตัดสินใจวางมือจาก GetAmped โดยที่เขาเองไม่เคยคิดว่า ในอนาคตข้างหน้า เขากำลังจะสร้างชื่อกับ LoL ที่ไปได้ไกลถึงระดับโลก…
เทิร์นโปร LoL
League of Legends (LoL) เป็นเกม MOBA ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยความนิยมทำให้เกิดการแข่งขันที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ส่งผลให้ในแง่ของรายการแข่งขัน , เงินรางวัล ตลอดจนทีมอีสปอร์ต มีความเป็นมืออาชีพมากกว่าทุกเกมในเวลานั้น
แต่การเข้าสู่โลก LoL ของ Lloyd ไม่ได้เกิดจากความกระหายบรรยากาศแข่งขัน แต่เริ่มจากคำชักชวนของเพื่อนที่เขาเองก็แค่ลองเล่นสนุกทั่วไป
“หลังหยุดจาก GetAmped ผมเปลี่ยนมาเล่น LoL ตามเพื่อนขำๆไม่ได้คิดจะจริงจังถึงขั้นเป็นโปรเพลย์เยอร์ เพราะสมัยนั้นมันยังไม่มีโปรเพลย์เยอร์” Lloyd เล้าย้อนถึงจุดเริ่มต้นกับ LoL
“ตอนนั้นเพื่อนมาชวนเล่นแค่ไต่ Rank ไม่เคยคิดถึงเรื่องการแข่งขันเลย เล่นเอาสนุกๆขำๆเฉยๆ แต่จุดเปลี่ยนคือ MiTH นี่แหละ ก็เป็นเพื่อนอีกที่ชวนเข้าทีม”
ด้วยฝีมือเก่งกาจของ Lloyd ขึ้นเป็น Challenger คนแรกของประเทศไทย เขาแจ้งเกิดกับ LoL ได้อย่างรวดเร็วจนมีทีมชักชวนไปร่วมทัพ และทีมที่เขาสังกัดก็คือ MiTH Flashdive ที่มีโปรฝีมือฉกาจอย่าง G4 เป็นกัปตันทีม
“ผมลองไปเล่นแบบทีมรู้สึกว่ามันยาก จริงๆเริ่มต้นเลยผมไม่ชอบการเล่นทีม การแข่งเดี่ยวกับการเล่นเป็นทีมมันต่างกันรายละเอียดปลีกย่อยมันเยอะมาก ถ้าแข่งเดี่ยวเราซ้อมเท่าไหร่ก็ได้เท่านั้น แต่ถ้าเป็นทีมจะมีเรื่องทีมเวิร์คเป้าหมายที่ตรงกันมันถึงจะออกมาดี”
“ผมรู้สึกว่า LoL มันมีการแข่งขันที่ถูกยอมรับมากกว่า GetAmped ทำให้มีความเป็นมืออาชีพมากกว่า การแข่งขันดีกว่า เงินรางวัลสูงกว่า ตอนนั้นกับ MiTH มันเป็นประสบการณ์ที่ดีกับการได้มาอยู่กับทีมที่เป็นมืออาชีพ”
หลังจากได้ Lloyd มาร่วมทัพ MiTH Flashdive กลายเป็นทีมรวมดาว LoL ที่เดินหน้ากวาดความสำเร็จมากมาย แต่ปี 2014 เขาตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม Bangkok Titans (BKT) คู่แข่งที่เปรียบเสมือนไม้เบื่อไม้เมาของ MiTH Flashdive โดย Lloyd ยอมรับว่า การย้ายสู่ BKT คือจุดเปลี่ยนบนเส้นทาง LoL ของเขาอย่างแท้จริง
“ผมตัดสินใจออกจาก MiTH แต่ไม่ดีเท่าที่ควร มันเป็นการตัดสินใจที่ไม่ดีครั้งหนึ่งในชีวิต มองกลับไปก็เสียใจ อาจเพราะตอนนั้นเรายังเด็กด้วย ตอนนั้นเท่าที่จำได้เหมือนผมไม่พอใจอะไรสักอย่างแล้วก็ตัดสินใจออกจากทีมไปเลย โดยที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันดีๆ”
“Bangkok Titans ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตผม มันเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่ง ที่มีการทำงานเป็นมืออาชีพในรูปแบบออฟฟิศ มีสแกนนิ้วเข้าออกเป็นเวลา เจอคนที่จริงจังกับการแข่งขัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบ”
การตัดสินใจย้ายสู่ BKT มาพร้อมกับเส้นทางที่ต้องเลือกเมื่อ Lloyd ไม่เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยเพื่อเดินสายโปรเพลย์เยอร์เต็มตัว
“ผมเป็นคนที่รู้ตัวเองตั้งแต่แรกว่า ไม่ชอบการเรียนเอามากๆ เลยตัดสินใจไม่ฝืนดีกว่า แต่ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้แนะนำให้ทำตามนะ เพราะคนที่ตัดสินใจไม่เรียนต่อแล้วผลออกมาไม่ดีมันก็มีเยอะ มันทำให้ชีวิตยากมากขึ้น แต่การเรียนจะทำให้เราพัฒนาตัวเองได้ดีกว่าในทุกด้าน”
“ที่ตัดสินใจออกมาทำเต็มตัวหลักๆน่าจะเป็นเรื่องเงิน เพราะถึงผมไม่เรียน แต่ผมได้เงินจากการเล่นกับ BKT เลยเลือกที่จะไม่เรียนหันมาเล่นเกมดีกว่า แต่ต้องสารภาพตามตรงว่า ตอนนั้น ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมาก หวังไปลุ้นเอาข้างหน้าลูกเดียว เพราะตอนนั้นวงการอีสปอร์ตยังไม่ได้เติบโตหรือมีเยอะมากเท่าปัจจุบัน”
“ผมเป็นคนเชื่อครอบครัวทุกเรื่องนะยกเว้นเรื่องนี้ เพราะผมมั่นใจในตัวเองจริงๆถ้าเป็นเรื่องเกม…”
- KirosZ : นักพากย์เกมและผู้อยู่ทุกช่วงเวลาการเติบโตของอีสปอร์ต
- EXCLUSIVE : Moss ในวันที่ต้องเติบโตบนเส้นทางโค้ช RoV
ล้มครั้งที่ 1
การตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อเดินสายโปรเพลย์เยอร์เต็มตัวทำให้เขามีเวลาอยู่กับเกมเต็มที่ มีเวลาฝึกหนัก และทุ่มเทสมาธิกับเกมอย่างเดียว ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาทำให้เขากวาดแชมป์เกือบทุกรายการในประเทศ และได้ไปไกลถึงเวทีชิงแชมป์โลกในศึก League of Legends World Championship 2015
กราฟชีวิตของ Lloyd พุ่งถึงขีดสุดไปพร้อมๆกับผลงานของ BKT
“การได้ไปแข่งเวิล์ดกับ LoL ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ มันเป็นการพยายามที่แทบจะทั้งวันทั้งคืนที่อยู่กับเกม มันไม่ใช่ผมคนเดียว แต่ทุกคนในทีมก็พยายามซ้อมอย่างหนัก ทุกคนเก่งมากในตอนนั้น เรามีระบบระเบียบมากขึ้นมีโค้ชที่ดุมาก ซึ่งมันทำให้ทุกอย่างออกมาดี”
การไปสู่เวทีระดับเป็นเรื่องฮือฮา เพราะ LoL เป็นเกม MOBA อันดับหนึ่งของโลกทำให้เต็มไปด้วยทีมระดับท็อปมากมาย การจะเบียดได้ตั๋วไปชิงแชมป์โลกจึงเป็นเรื่องยาก แต่ Lloyd และทีมทำได้
ทว่าผลจับสลากทำให้พวกเขาต้องเซอร์ไพรส์ เพราะถูกจัดอยู่ในกรุ๊ป ออฟ เดธ กับ SK Telecom T1 ทีมอันดับ 1 ของโลก และเป็นเต็งแชมป์ ที่มีผู้เล่นที่ถูกยกย่องเป็นพระเจ้าแห่ง LoL อย่าง Faker อยู่ในทีม ซ้ำร้ายยังร่วมกลุ่มกับทีมระดับท็อปของจีน Edward Gaming และ H2K Gaming จากกลุ่มประเทศยุโรป
“พอได้ไปกลายเป็นว่าเราอยู่ กรุ๊ป ออฟ เดธ ก็ตกใจเหมือนกันที่พอจับสลากเราดันไปอยู่ในกลุ่มที่มีทีมอันดับหนึ่งของจีน ที่หนึ่งเกาหลี ที่สามอียู ซึ่งมันยากมากๆ แต่ละทีมน่าจะตบทุกทีมได้ในปีนั้น มันเป็นความจริงที่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า สู้ไม่ได้ เรารู้จากการซ้อม แต่พอไปหน้างานก็ต้องคิดว่าสู้ได้ทำให้ดีที่สุด แต่ก็ตื่นเต้นครับ ที่ผ่านมาเคยแต่ดูเขาเล่นยังไม่เคยเจอจริงๆ มาตอนนี้เราต้องเจอกับเขาจริงๆ”
“ผมอยากเอาชนะเขามากๆ คิดว่า ช่วงต้นเกมถ้าเราทำได้ดีก็คงชนะได้อยู่ แต่พอเล่นๆไปก็รู้แล้วว่ามันยาก ผมมองว่า พวกเขามีความเป็นมืออาชีพมากกว่าที่เป็นสิ่งแตกต่างจากเรา ผู้เล่นของเรากับเขายังไม่พร้อมจริงๆกับจุดนั้น เขายังมีทีมงานที่เรียกว่ามืออาชีพมากๆคอยวิเคราะห์มีหน้าที่นั่นนี่มากมายเป็น 10 คน เลยรู้สึกว่าความเป็นมืออาชีพมันต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“การตกรอบในครั้งนั้นบอกอะไรได้หลายอย่าง หนึ่งคือความต่างระหว่างผู้เล่นเรากับเขา เรายังไม่พร้อมจริงๆ ผู้เล่นของเราบางคนก็ถึงขั้นวางมือไปเลย แต่บางส่วนก็ไฟติดคิดว่า น่าจะได้อยู่ แต่จุดนั้นทำให้ผมได้บรรลุหนึ่งขั้นเลยที่ทำให้เติบโตขึ้น”
ล้มครั้งที่ 2
“ตอนนั้นผมเริ่มรู้สึกว่า เราอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว เราอยู่มานานเกินไปหลายคนในทีมวางมือ” Lloyd เล่าถึงวันที่ตัดสินใจออกจาก BKT หลังเริ่มอิ่มตัวกับทีมตลอดเกือบ 4 ปี และไปเริ่มต้นใหม่กับ Ascension Gaming
“หลังจากนั้นไม่นานก็ไปอยู่กับ Ascension Gaming ผมยังมีไฟในการแข่งขัน พอรู้ฝีมือจากการได้ไปชิงแชมป์โลกก็คิดว่าน่าจะได้อยู่ ผมฝึกหนักมากขึ้นรู้ว่า อะไรสำคัญที่สุดกับการเล่น LoL”
การเจอคู่ต่อสู้ระดับโลกทำให้เขารู้ดีถึงความห่างชั้น กลายเป็นจุดที่ทำให้เขาฝึกฝนอย่างหนัก ทุ่มเทกับเกมมากกว่าเดิม ซึ่งผลจากการทำงานหนักต่อยอดให้ Lloyd หวนคืนสู่สังเวียนชิงแชมป์โลกอีกครั้งในปี 2018 กับ Ascension Gaming แต่หนนี้ยังโคจรมาพบกับเต็งแชมป์อย่าง G2 Esports ยิ่งกว่านั้นยังมรสุมตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มแข่ง
พวกเขาขาดผู้เล่นตำแหน่งป่า แต่ที่ช็อกกว่าคือถูก Ascension Gaming ยกเลิกสัญญาจ้างกลางคัน ทำให้ไม่มีเงินเดือน และต้องออกเงินเองเพื่อเข้าแข่งขันในรายการต่างๆ แต่ยังอนุญาตให้ใช้แคมป์ และชื่อเพื่อแข่งขันต่อ แม้สิ่งที่เกิดขึ้นบางทีมอาจล้มเลิกความตั้งใจ แต่กับ Lloyd และเพื่อนทุกคนตัดสินใจเดินหน้าต่อไปกับรายการ Globe Conquerors Manila 2018 ซึ่งเป็นเวทีที่จะทำให้พวกเขาได้เข้าไปชิงแชมป์โลกอีกครั้ง
ทีมของ Lloyd ไม่มีโค้ช ไม่มีสปอนเซอร์ ไม่มีทีมวิเคราะห์ ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความพยายามของกลุ่มเพื่อนกลุ่มหนึ่ง แต่กลับฝ่าฟันจนได้เข้าแข้งขันชิงแชมป์โลก โดยได้สมาชิกใหม่อย่าง Niksar โปรเพลย์เยอร์ชาวรัสเซีย ที่รู้จักกันก่อนหน้านี้เข้ามาร่วมทีม
“ตอนนั้นเป็นการไปแข่งระดับโลกที่พวกผมรู้สึกว่า ไม่พร้อมมากที่สุดในชีวิต มันมีหลากหลายปัญหาทั้งผู้เล่นไม่ครบด้วย เหมือนลากทุกคนไปลำบาก”
“เราดึงคนจากรัสเซีย (Niksar) มาเล่น แต่ไม่มีเงินเดือนทำให้รู้สึกว่า มันยากมากๆกับการลงทุนครั้งนี้ลังเลว่า จะไปกันดีไหม แต่ก็ไป ตอนนั้นรู้สึกเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายดีว่า ทำไมมันยากจัง แต่ก็เป็นเรื่องดีที่เราได้สู้กับประสบการณ์แปลกๆ”
ท้ายที่สุด Lloyd และทีมมุ่งสู่การชิงแชมป์โลก แต่จากความไม่พร้อมก็ทำให้พวกเขาจอดป้ายอย่างรวดเร็ว และเป็นหนสองที่ Lloyd ผิดหวังในการแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดของ LoL
ล้มครั้งที่ 3
หลังตกรอบจากรายการชิงแชมป์โลก Ascension Gaming ประกาศยุบทีมอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางกระแส LoL ที่ตกลงไป เนื่องจาก Realm of Valor (RoV) MOBA มือถือกำลังมาแรงทำให้สปอนเซอร์เจ้าต่างๆหันไปสนับสนุนเกมนี้แทน แต่ Lloyd ยังคงมุ่งมั่นกับ LoL ต่อไป
จากฝีมือของ Lloyd และเพื่อนร่วมทีมที่เคยไต่ไปถึงระดับโลก พวกเขายังได้รับความสนใจจากทีม LoL ในไทย กระทั่งเซ็นสัญญากับ MEGA Esports หนึ่งในทีมที่มีชื่อเสียง แต่ปี 2019 ลีก LoL ของไทยปิดตัวลงยุบเป็นลีกระดับเอเชียแทน แต่ Lloyd ยังได้ลุยศึกระดับ SEA ต่อไป
“ตอนนั้นผมรู้สึกว่า ทำไมทุกอย่างมันไม่พร้อม แต่ผมยังอยากจะลองไปชิงแชมป์โลกอีกสักครั้งหนึ่ง สุดท้ายก็ได้ไปอีกครั้ง แต่ต้องบอกตรงๆว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่ไป”
ครั้งนี้ดูจะเป็นครั้งที่พวกเขามีความพร้อมที่จะมุ่งสมาธิเต็มที่กับการแข่ง แต่กลับเจอดราม่าเรื่องค้างจ่ายเงินเดือน และผลงานการแข่งที่ทำได้ไม่ตามเป้า ด้วยอุปสรรคที่พบเจอมาตลอดนับตั้งแต่ก้าวสู่โลก LoL ทำให้หลังจบศึกเวิล์ดหนนี้ Lloyd ตัดสินใจประกาศยุติบทบาทโปรเพลย์เยอร์อย่างเป็นทางการ
“ต้องบอกว่า รอบนี้ไม่พร้อมหนักกว่าตอน Ascension อีก เพราะแทบไม่ได้ซ้อมเลย ตอน Ascension เรายังบูธแคมป์ซ้อมกัน แต่รอบนี้ไปเฉยๆไม่ได้ซ้อมเลย มันเจอปัญหาเรื้อรังมาหลายเดือน ตอนนั้นผมรู้สึกอยากจะพอแล้ว แข่งเกมมาเป็น 10 ปี อยากไปลองทำอย่างอื่นในชีวิตบ้าง ที่ผ่านมาในชีวิตของผมมีแต่ซ้อมกับแข่ง ผมอยากลองไปทำอย่างอื่นบ้าง”
“ก็เป็นการตัดสินใจที่ยากนะ เพราะผมใช้เวลามานานกับตรงนี้ก็ใช้เวลาคิดอยู่เป็นปี จริงๆรู้ตั้งแต่เข้า MEGA แล้วว่า อาจจะเป็นปีสุดท้ายรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ไม่เปลี่ยนใจที่จะวางมือ”
“แต่สิ่งที่ทำให้หมดไฟไม่ใช่เรื่องการเล่นเกม แต่เป็นเรื่องปัจจัยภายนอกมากกว่า” Lloyd กล่าว
สู่บทบาทสตรีมเมอร์
จากวันที่ตัดสินใจแขวนเมาส์ มุมมองที่มีต่อเกมของ Lloyd เปลี่ยนไปจากเดิมหลังผ่านบทเรียนมากมายกับปัญหาเดิมๆที่ต้องเจอ จากความสนุกกลายเป็นความเครียด ทำให้เขามุ่งสู่บทบาทสตรีมเมอร์แทน
“มันเป็นชีวิตที่แตกต่าง และแปลกใหม่ที่เราต้องทำงานในด้านอื่นที่ไม่ใช่ว่านั่งซ้อมแข่งอย่างเดียว” Lloyd เล่าถึงชีวิตหลังแขวนเมาส์
“ปกติทุกวันต้องตื่นเช้ามาซ้อม ลึกๆก็มีคิดถึงบรรยากาศการแข่งขัน เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม แต่ช่วงเวลามันยาก ผมมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่างไม่ใช่เด็กๆแล้วที่อยากจะเล่นก็เล่น อยากแข่งก็แข่ง ความรู้สึกที่มีต่อเกมมันเปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่เข้ามาเล่นเกมแบบทำงานโดยมีเงินเดือน เพราะมันต้องเอาความชนะหรือผลลัพธ์เป็นที่ตั้งที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง”
“ผมมองว่า ทุกอย่างความเป็นมืออาชีพมันสำคัญ ถ้าเราไม่เต็มที่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ดี ช่วงนั้นก็มีแฟนๆอยากให้กลับไปแข่งตลอด แต่อย่างที่บอกช่วงเวลาตอนนั้นมันไม่ได้จริงๆ”
Lloyd สตรีมเมอร์ผ่านช่อง Lloyd Style ของตัวเอง แม้จะไม่ได้แข่งขัน แต่สิ่งที่เขาเลือกก็ทำให้เขายังรู้สึกสนุกกับเกมเหมือนช่วงแรกที่เข้าวงการ แต่โชคชะตาก็นำพาเขากลับสู่จุดเดิมอีกครั้ง
คืนวงการ
จากเดิมที่ไม่กลับเข้าวงการ แต่แล้ว Lloyd มีเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจกลับมาอีกครั้ง นั่นคือคำชวนจากเพื่อนซี้อย่าง G4 ที่ร่วมหัวจมท้ายกันมานานสมัยยังเป็นโปรเพลย์เยอร์ โดย G4 ชวนเขามาร่วมทีม EVOS Esports โดยก่อนหน้านี้เขายังเป็น Challenger คนไทยคนแรกของ League of Legends: Wild Rift เกม MOBA มือถือ อีกด้วย
ขณะเดียวกันการกลับมาครั้งนี้เขาเปลี่ยนมารับบทโค้ช League of Legends: Wild Rift ทำให้ Lloyd เผชิญความท้าทายครั้งใหม่ที่ทำให้เขารู้สึกสนุกกับเกมอีกครั้ง
“ผมกับ G4 โตมาด้วยกันแยกกันไม่ขาดในเรื่องการแข่งขัน เขาเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมกลับมาอีกครั้ง Wild Rift ผมมองว่ามันเป็นสิ่งใหม่จากบนคอมพิวเตอร์มาเล่นบนมือถือ พอได้เริ่มต้นใหม่กับ LoL ที่จริงๆมันก็เป็นเกมที่นานมาแล้ว การปรับตัวถือว่าเยอะ เพราะผมไม่ได้เล่นเกมบนมือถือ ก็บังคับยาก แต่ข้อมูลในเกมคล้ายกันก็เล่นได้อยู่”
“ครั้งนี้ที่กลับมาผมพยายามปรับอะไรหลายๆอย่างให้ทุกอย่างมันสามารถควบคู่กันไปได้ อย่างที่บอกก็เพราะ G4 ด้วยนี่ล่ะที่เราแยกกันไม่ขาด ถ้าเขาชวน ผมปฏิเสธเขาไม่ได้ จริงๆผมไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่อยากให้ทุกคนทำเต็มที่ใช่ช่วงเวลาต่อจากนี้ให้คุ้มค่าสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน”
แม้จะเป็นบทบาทใหม่กับรุปแบบเกมใหม่ๆที่เปลี่ยนไป แต่ Lloyd เขาจะทำมันได้ดีบนทัศนคติของความพยายามที่พร้อมเรียนรู้พัฒนาอยู่เสมอ
“การเป็นโค้ชเป็นสิ่งที่ท้าทายตัวผมมาก เราต้องดูภาพรวมทั้งหมดทั้งในเกม และนอกเกมเรื่องนิสัย อารมณ์ เวลา ทุกๆอย่าง แต่ผมมั่นใจว่ากับบทบาทนี้ผมน่าจะทำได้ดี เพราะผมได้เจอโค้ชเก่งๆหลายคนในช่วงที่ผ่านมา”
“ผมพยายามเอาข้อดีของแต่ละคนมาปรับปรุงใช้กับตัวเอง และทุกคนในทีม ผมไม่รู้สึกกดดัน ผมรู้สึกว่าท้าทายมากว่าก็จะทำให้ดีที่สุด ผมคิดว่าถ้าเราทำได้ดี คนอื่นก็น่าจะโอเค ผมอยากให้เด็กรุ่นใหม่ๆรวมทั้ง G4 ทำให้เต็มที่ที่สุด ตอนแข่งถ้าทำได้ดีมันจะสนุก มันจะเป็นความทรงจำ และผลงานที่ติดตัวเราไปตลอด”
โค้ช Lloyd
สำหรับ Lloyd นี่คืองานโค้ชครั้งแรกของเขา แม้จะเป็นโค้ชมือใหม่ แต่เขาเชื่อว่า เขาสามารถเป็นโค้ชที่ดีได้
“ผมว่าทุกคนสามารถเป็นโค้ชได้ ถ้าเราดูเกมมากพอ เราหลงใหลในเรื่องนี้มากพอ แต่โค้ชที่ดีเป็นยาก มันต้องให้ทีมเชื่อฟัง ทีมไว้ใจว่าเรานำสิ่งดีๆมาให้ทีมเสมอ ชนะแพ้ไปกับทีม ตอนนี้ผมก็กำลังพยายามปรับตัวเองเพื่อให้เป็นโค้ชที่ดีอยู่ครับ”
Lloyd เตรียมนำลูกทีม EVOS ประเดิมรายการแรกอย่าง League of Legends: Wild Rift SEA Icon Series: Preseason แม้คู่แข่งจะน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้สร้างความหวาดหวั่นให้โค้ช Lloyd กับทัวร์นาเมนต์นี้
“ผมบอกกับลูกทีมตลอดว่า อย่าไปมองฝ่ายตรงข้ามมาก แต่ให้มองตัวเองก่อน หากเราเล่นถูกวิธีเรารู้ทุกอย่าง เราจะได้เปรียบขึ้นมาเองให้มองทีมตัวเอง ทุกวันนี้ผมและทีมพยายามมากๆ ก็หวังว่า เมื่อถึงเวลาแข่งขันทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ผมบอกกับทีมอยู่เสมอ”
จากวันแรกถึงวันนี้เส้นทางของ Lloyd ไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ ขณะเดียวกันแม้เจอความผิดหวังจนต้องเลิกแข่ง แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เขายังมองด้านดีว่าเป็นบทเรียนสำคัญในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งหลังจากนี้ไป เขาพร้อมเดินหน้าต่อ และสนุกไปกับสิ่งที่เขาทุ่มเทให้ทั้งชีวิตนั่นคือ เกม
“เรื่องราวที่ผ่านมามากมาย มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้บรรลุทุกอย่างทั้งการแข่งขัน ทุกปัญหา หลังเราได้อยู่ในจุดๆนี้มานาน ชีวิตผมเหมือนเดินมาถึงบันไดขั้นที่ 7 จาก 10 ขั้น คือมันผ่านมาเยอะก็จริง แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ผมพยายามทำงานให้หนักในทุกๆวันอย่างเต็มที่”
“จริงๆเป้าหมายของผมไม่มีอะไรมากก็แค่อยากเป็นคนที่ดีคนหนึ่ง แต่กับเรื่องเกม เป้าหมายระดับโลกคือสิ่งที่ทุกคนมองไว้อยู่แล้ว แต่สำคัญสุดคือความสนุกที่วันนี้ผมได้ทำตรงนี้” Lloyd ปิดท้าย
อ่านเพิ่ม: ฟ้าหลังฝน : การกลับมาของ Cherie กับมุมมองชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม