Overwatch เป็นเกม FPS ชื่อดังจากค่าย Activision Blizzard โดยเกมจะให้เราต่อสู้กับฝั่งตรงข้ามแบบ 6v6 เพื่อทำการยึด Objective ซึ่งภาคต่ออย่าง Overwatch 2 เพิ่งปล่อยตัวเบต้าออกมาให้เหล่าผู้เล่นได้สัมผัสกันไม่นานนี้
Overwatch 2 ที่ถูกปล่อยออกมามีการปรับเปลี่ยนไปพอสมควรจากภาคแรก ทั้งตัวละคร แผนที่ หรือจะเป็นรูปแบบการเล่น และวันนี้ เราจะมาอธิบายสิ่งใหม่ๆของ Overwatch 2 ที่แตกต่างไปจากเกมภาคก่อน หลังจากทีมงาน ONE Esports ประเทศไทยได้รับโอกาสให้ทดลองเล่น Beta ก่อน
- TenZ ชี้การเนิร์ฟ Jett ใน Valorant แพตช์ 4.08 แท้จริงคือบัฟ
- Victor เซ็ง! Neon โดนเนิร์ฟหนักใน Valorant แพตช์ 4.08
ระบบ UI ใหม่
Overwatch 2 ได้มีการปรับระบบในเกมใหม่พอสมควร โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือระบบ UI ของเกม ซึ่งเมื่อเทียบกับภาคก่อนแล้ว UI ภาคนี้จะมีเรียบง่ายและดูคลาสสิกมากขึ้น
นอกจากระบบ UI แล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือระบบการ Ping ในเกม โดยทางผู้พัฒนาได้เพิ่มระบบ Ping ผู้เล่นศัตรูเข้ามาในเกม ซึ่งการกด Ping ใส่ศัตรูจะเป็นเผยตำแหน่งให้เพื่อนร่วมทีมเห็นและรับทราบว่าศัตรูคนนั้นอยู่ตรงไหน และยังมีการเพิ่มคำพูดใน Chat Wheel ให้มากขึ้นกว่าภาคก่อนเพื่อเพิ่มการสื่อสารภายในทีม
ฮีโร่ใหม่
Overwatch 2 มีการปรับสมดุลของฮีโร่มากพอสมควร โดยการรีเวิร์กสกิลของฮีโร่บางตัวใหม่ อย่างเช่น Oriza ที่ถูกปรับการยิงใหม่ให้ไม่มีการ Reload แต่จะมีการ Overheat หากยิงค้างนานเกินไป รวมถึงสกิลใหม่อย่าง Javalin spin ที่มาแทนสกิล Halt และสกิลอัลติเมตใหม่ Turra Sage
นอกจากการรีเวิร์กฮีโร่เดิมแล้ว Overwatch 2 ยังเปิดตัวฮีโร่ตัวใหม่อย่าง Sojourn อีกด้วย ซึ่งฮีโร่รายนี้เป็นฮีโร่สายดาเมจที่มีความพลิ้วพอสมควรด้วยสกิล Power Slide ซึ่งตอนนี้ Sojourn ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการและเข้าสู่เกมเรียบร้อยแล้ว
แผนที่
Overwatch 2 มีการปรับแผนที่ใหม่ในบางแผนที่ โดยจะเป็นการปรับแสง สี และสภาพอากาศ รวมถึงภาพรวมของแผนที่ให้ดูสบายตามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงบางพื้นที่เล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่จะเหมือนกับในภาคก่อน
นอกจากนี้ ทางผู้พัฒนาได้ทำการเพิ่มแผนที่ใหม่เข้าสู่เกม 3 แผนที่ ได้แก่ Toronto, Gothenburg และ Monte Carlo ซึ่งแผนที่ใหม่อื่นๆจะตามมาเรื่อยๆในภายหลัง
โหมดใหม่
Overwatch 2 ได้เพิ่มโหมดใหม่ที่ชื่อว่า Push เข้าสู่เกม โดยโหมดนี้จะคล้ายๆกับการดันรถ แต่จะเปลี่ยนเป็นหุ่นยนต์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องแย่งกันยึดตัวหุ่นยนต์ให้ดันไปได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฝั่งไหนพาหุ่นยนต์ไปได้ไกลกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ
อย่างไรก็ตาม Push เป็นเพียงโหมดแรกที่ทางผู้พัฒนาเปิดตัวออกมา ซึ่งพวกเขาจะเพิ่มโหมดใหม่ให้เหล่าผู้เล่นได้สัมผัสกันเรื่อยๆแน่นอนหลังจากนี้
รูปแบบการเล่น 5v5
สิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุดใน Overwatch 2 คือการปรับรูปแบบการเล่นจาก 6v6 มาเป็น 5v5 ซึ่งการปรับรูปแบบดังกล่าวได้ปรับตัวผู้เล่นตำแหน่งแทงค์ของทีมให้เหลือเพียงคนเดียว และมี 2 ตำแหน่งดาเมจ และ 2 ตำแหน่งซัพพอร์ต ซึ่งทำให้รูปแบบการเล่นของเกม Overwatch ภาคนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก
ซึ่งทางผู้พัฒนาได้เผยว่าพวกเขาได้พยายามรูปแบบอื่นๆอย่างเช่น 4v4 หรือ 7v7 มาหมดแล้ว ซึ่งจากการทดลองทั้งหมด ปรากฏว่ารูปแบบ 5v5 จะทำให้เกมเข้าใจง่ายที่สุดสำหรับผู้เล่นและผู้ชม
“บางครั้งมันก็ยากกับการต้องมาคอยคิดว่าผู้เล่นอีก 11 คนกำลังเป็นยังไงหรือทำอะไรในสนามรบ ซึ่งการลบผู้เล่นออกสักสองคน จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นและช่วยให้ผู้เล่นเข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวพวกเขา และตัดสินใจได้ดีขึ้นด้วยเหตุนี้” Aaron Keller ผู้กำกับเกม Overwatch กล่าว
Overwatch 2 มาตอนไหน?
สำหรับ Overwatch 2 เปิดให้เล่นแบบ Beta Test แล้วในตอนนี้ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 18 พฤษภาคม 2022 ซึ่งรายละเอียดสำหรับการรับสิทธิ์เข้าร่วมดูได้ที่เว็บไซต์หลักของ Overwatch
สเป็คเครื่องสำหรับ Overwatch 2
สำหรับสเป็คเครื่องในการเล่น Overwatch 2 มีดังต่อไปนี้
สเป็คต่ำสุด (สำหรับ FPS ที่ประมาณ 30)
- Operating system: Windows® 7 / Windows® 8 / Windows® 10 64-bit (latest Service Pack)
- Processor: Intel® Core™ i3 or AMD Phenom™ X3 8650
- Video: NVIDIA® GeForce® GTX 600 series, AMD Radeon™ HD 7000 series
- Memory: 6 GB RAM
- Storage: 50 GB available hard drive space
สเป็คแนะนำ (สำหรับ FPS ที่ประมาณ 60 ในการตั้งค่าแบบ Medium)
- Operating system: Windows® 10 64-bit (latest Service Pack)
- Processor: Intel® Core™ i7 or AMD Ryzen™ 5
- Video: NVIDIA® GeForce® GTX 1060 or AMD R9 380
- Memory: 8 GB RAM
- Storage: 50 GB available hard drive space
อ่านเพิ่ม: Fade Valorant: วิธีปลดล็อคเอเจนท์ใหม่ใน Episode 4 Act 3