หากคุณเป็นแฟนเกม Valorant ชื่อของ X10 คงคุ้นหูเป็นอย่างดีในฐานะสังกัดอีสปอร์ตไทยที่ไปแจ้งเกิดเต็มตัวในศึกใหญ่ VCT 2021: Stage 2 Masters – Reykjavík ที่ Riot จัดขึ้น ณ เมืองเรคยาวิก ประเทศไอซ์แลนด์ ตลอดจนรายการชิงแชมป์โลก VALORANT Champions 2021 ที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบเพลย์ออฟ
เมื่อไหร่ที่ X10 ลงแข่งขัน เรามักเห็นกล้องจับภาพไปที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งผู้มีสีผมเป็นเอกลักษณ์ และลีลาความกวนที่ทำให้แฟนๆไม่เว้นแม้แต่เหล่าแคสเตอร์ต่างชาติต่างชื่นชอบ นั่นคือ ทีม – ธนเมธส์ “Crws” มหัทธนานุยุตติ์ โปรเพลเยอร์ชาวไทยวัย 25 ปี ที่มีเบื้องหลังชีวิตไม่ธรรมดา เพราะเขาเคยสอบติดทันตแพทย์ แต่สุดท้ายกลับเลือกเดินเส้นทางใหม่บนโลกอีสปอร์ต
นี่คือเรื่องราวชีวิตของ Crws ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ แต่เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเขามากยิ่งขึ้นผ่านบทสัมภาษณ์นี้
ว่าที่หมอฟัน
“เรียนดีกีฬาเด่น” คงเป็นประโยคที่ตรงกับชีวิตของ ทีม มากที่สุด เพราะตั้งแต่วัยเด็ก เขาเรียนดีมาตลอด แม้ว่าจะชื่นชอบเกม และเล่นหนักเหมือนเด็กทั่วไป แต่การเรียนไม่เคยเสียทำให้ครอบครัวเปิดกว้างกับการเล่นเกมของเขา นั่นทำให้ ทีม สามารถทำสองอย่างควบคู่ไปด้วยกัน ยิ่งกว่านั้นเขายังเรียนเก่งถึงขั้นสอบติดเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“ตอนเด็กผมติดเกมหนักมาก ที่บ้านเขาสนับสนุนนะ แต่มีเงื่อนไขคือ ถ้าการเรียนไม่เสียอยู่ระดับเกรดเฉลี่ยเกิน 3.30 ก็จะเล่นได้ แต่พอสอบเข้าแพทย์ก็พักไปช่วงหนึ่งไม่ได้เล่นเกมแบบปกติไปประมาณปีครึ่ง” ทีมเท้าความชีวิตวัยเด็กกับเป้าหมายที่ใฝ่ฝันอยากเป็นแพทย์
จากความตั้งใจต้องการศึกษาต่อคณะแพทยศาสตร์ ทีม เลือกตัดเกมออกจากชีวิตไปช่วงหนึ่ง เพื่ออ่านหนังสือสอบอย่างหนัก แต่ก็ยังไม่สมหวัง เพราะคะแนนสอบยังไม่ถึง
“ผมสอบติดหมอฟัน เพราะคะแนนติดหมอฟันเลยเลือกจะพักเรื่องเล่นเกมไปก่อน ผมจ่ายค่าแรกเข้าไปแล้ว แต่พอคุยกับที่บ้านเรื่องค่าใช้จ่าย มันสูงเกินไป เพราะเป็นคณะแพทยศาสตร์อินเตอร์ที่ธรรมศาสตร์ ที่บ้านส่งไม่ไหวก็เลยจะไปเรียนที่อื่น ผมไปสอบติดมหาวิทยาลัยมหิดล แต่ไม่ไป เพราะไกลบ้านเลยตัดสินใจ Gap Year ไปประมาณ 6 เดือน”
“ผมใช้เวลา 6 เดือนนั้นเล่นเกม แล้วก็ไปเป็นเด็กเสิร์ฟ ร้าน Ka-nom ของป๋าต๊อบ – ปฏิญญา ควรตระกูล” ที่ Panya Village เพราะผมรู้จักกับป๋าต๊อบ จากนั้นไปสอบเข้าเคมีประยุกต์ที่ธรรมศาสตร์เหมือนเดิม แต่ตอนนั้นผมไม่เคยคิดถึงการเล่นเกมเป็นอาชีพหรอก”
จากเดิมที่เคยสอบคิดคณะแพทยศาสตร์ของสองมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของประเทศไทยมาแล้ว การสอบเข้าสาขาวิชาเคมีประยุกต์จึงไม่ใช่เรื่องยากเกินตัวทีม ใช้ชีวิตเต็มที่ทั้งการเรียน ทำงานเสริม และเล่นเกม ที่เวลานั้นกำลังชื่นชอบ CS:GO (Counter-Strike: Global Offensive) จนวันหนึ่งเขาได้สัมผัสโลกอีสปอร์ตโดยบังเอิญ เมื่อเพื่อนของพี่ชายชวนเข้าทีม CS:GO กับทีมที่ชื่อ ONEGODLIKE
ก้าวแรกสู่วงการอีสปอร์ตของทีมกำลังจะเริ่มต้นขึ้น…
จาก CS:GO สู่ Valorant
ภายใต้ทีม ONEGODLIKE ทีม ได้รู้จักกับ foxz(อดีตหนึ่งในสมาชิก X10) เป็นครั้งแรก โดยตระเวนแข่งขันรายการเล็กๆอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
“ผมเล่นกับ foxz ประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นเขาย้ายไป MiTH ส่วนผมอยู่กับทีมต่อไปอีกซีซั่นก่อนย้ายไปเรื่อยทั้ง ซุนวู, 2Be จากนั้นก็พักแข่งตอนช่วงเรียนปี 4 เพราะเริ่มเบื่อ เล่นยังไงก็ยังไม่ได้ถึงจุดสูงสุดเสียที เพราะทุกคนในทีมยังเล่นแบบพาร์ทไทม์ต้องเอาเรื่องเรียนไว้ก่อน”
“แต่หลังจากนั้นมีเพื่อนชวนกลับมาเล่นขำๆ ตอนนั้นผมหายไปจาก CS:GO สองเดือนครึ่ง เพราะไปเล่น Dota2 หนักมาก แต่ไม่ได้คิดจะแข่งเกมนี้ แล้วก็กลับมาแข่ง CS:GO อีกครั้ง แต่เป็นช่วงเดียวกับที่ Valorant เปิดตัวพอดีผมเลยเปลี่ยนมาเล่นเกมนี้”
“ผมอยากเล่นเกมแนวเคาเตอร์ แต่ไม่อยากเล่นเกมเดิมอีกแล้ว ซึ่ง Valorant ตอบโจทย์ความต้องการ” Crws เผยถึงสาเหตุเปลี่ยนมาเล่น Valorant เกมแนว FPS ของค่าย Riot ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2020
“ผมมองว่า Valorant จะได้รับความนิยมแน่นอนในตอนนั้น เพราะเกมแต่ละเกมมีเสน่ห์ของมัน แต่เกมนี้มีเสน่ห์กว่า FPS อื่นๆที่เคยเล่นมา มันเหมือนรวมร่างหลายเกมเข้าด้วยกัน เห็นได้ชัดตรงที่พอมาอยู่ในเกม เราจะเคยได้ยินว่า คนนั้นมาจาก Overwatch คนนี้มาจาก CS:GO แต่ทุกคนมารวมกันที่เกมนี้ได้ ผมจึงคิดว่า ยังไงเกมมันก็ต้องดัง แต่ตอนนั้นยังไม่เห็นภาพขนาดตอนนี้หรอก แค่รู้สึกเท่านั้น เพราะการตลาดดี และพัฒนาไว”
“ผมเล่นขำๆ จนมีเพื่อนชื่อ Fayce จากตอนแข่ง CS:GO มาชวนเข้าทีม Magic Esports เขาบอกว่า มีสังกัด Valorant พร้อมสนับสนุน ผมก็โอเคตอบตกลง ผลงานตอนนั้นก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีมาก เราได้แชมป์รายการเล็กๆ แต่พอยังไปไม่ถึงจุดสูงสุด ทางสังกัดเลยขอปล่อยตัวทุกคน”
สมาชิก Magic Esports ต่างแยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเอง แต่ทางสังกัดต้องการให้ ทีม อยู่รอช่วยสร้างทีมใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง โดยมอบหน้าที่ให้เขาเป็นคนรวบรวมสมาชิกใหม่ แต่ระหว่างนั้นมีสังกัดอีสปอร์ตหนึ่งติดต่อเขาไปร่วมทีม ซึ่งในไลน์อัพนั้นมีชื่อของ foxz เพื่อนเก่าจาก ONEGODLIKE รวมอยู่ด้วย
ทีม ตอบตกลงทันที และสังกัดนั้นคือ X10 Esports ที่กำลังจะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งสำคัญของเขา…
เขย่าวงการ Valorant
“ผมขอที่บ้านว่า จะไปแข่ง Valorant 1-2 ปี เพราะมีเพื่อนที่รู้จักกันเขาเป็นเจ้าของสังกัด Cerberus ที่เวียดนาม มาบอกผมว่า ถ้าแข่งเกมนี้ได้ให้ไปแข่งเลย เพราะ Riot วางแผนไว้แล้วที่จะมีแข่งชิงแชมป์โลก ผมก็ขอที่บ้านมาแข่ง เพราะความฝันของผมคือการได้ไปแข่งต่างประเทศสักครั้ง”
หากเทียบสมัยลงแข่ง CS:GO เส้นทางของ ทีม แทบไม่เห็นวี่แววโอกาสไปแข่งขันบนเวทีระดับโลก ส่วนหนึ่งเกิดจากความนิยม CS:GO ในไทยที่ไม่ได้แข็งแกร่งนัก จึงขาดทั้งลีกอาชีพที่ได้มาตรฐานหรือสังกัดมืออาชีพจริงๆ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาฝีมือโปรเพลเยอร์โดยตรง
ขณะเดียวกันการมา X10 ทำให้ความฝันของเขาที่จะไประดับโลกมีโอกาสเป็นจริง นับตั้งแต่วันแรก เขาปักธงไว้ว่า จะต้องพาทีมอีสปอร์ตไทยไปแข่งขันเวทีระดับโลกให้ได้ ซึ่งเป็นเป้าหมายตรงกันกับ X10 ทำให้ทุกอย่างลงตัว อีกทั้งเขายังได้เล่นร่วมกับเพื่อนเก่าอย่าง foxz ด้วย
อย่างไรก็ตาม Community เกม Valorant ในประเทศไทย ตลอดจนโซน SEA ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ทำให้บรรดาทีมต่างๆยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เมื่อเทียบสังกัดอีสปอร์ตจากโซน NA หรือ EU และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ ทีมพร้อมสมาชิก X10 Esports เจอเรื่องฝังใจที่ไม่น่าจดจำ
ในปี 2021 X10 ที่มีสมาชิกประกอบไปด้วย ทีม(Crws), sScary, foxz, sushiboys และ Patiphan(ปัจจุบันเป็นนักแข่ง Overwatch) ประเดิมศึกระดับโลกครั้งแรกรายการ VCT 2021: Stage 2 Masters – Reykjavík ที่ ประเทศไอซ์แลนด์ แต่พวกเขาเจอการเริ่มต้นด้วยความรู้สึกกดดัน และโดนดูถูกจากทีมรอบข้าง
“การแข่งในไทยเราไม่กดดัน เพราะเล่นด้วยความสนุก แต่ละคนในทีมเคยเจอคนมาคอมเมอนต์ที่เหมือนจะเก่งกว่าเราอยู่เสมอเลยไม่ได้เก็บมาคิดอะไร แค่เราชนะทำได้ก็ถือว่า ตรงเป้าหมาย แต่ตอนไปที่เรกยาวิค ทุกทีมเหมือนเหยียดเราอยู่แล้วว่า ชนะใครไม่ได้ ไปก็แพ้”
“ผมจำได้ว่า ตอนลงเครื่องที่อัมสเตอร์ดัม จะไปต่อเครื่องเข้าไอซ์แลนด์ เรามาพร้อมกับ Team Liquid กับ Fnatic พอถึงไอซ์แลนด์ก็มีรถมารับ มีป้ายทีมติดที่ตัวรถ ผมก็ถามพนักงานว่า เราคือ X10 ต้องขึ้นรถคันไหน เขาก็ถามว่า มีทีม X10 มาด้วยเหรอ ไม่มีรถมารับนะ ผมก็เริ่มแปลกๆ เพราะสองทีมมีรถประจำทีม แต่เราไม่มี เขาก็โทรไปถามทีมงานสรุปก็ให้ขึ้นคันเดียวกันทั้งหมด 3 ทีม ที่จริงๆพวกเราไม่มีชื่อไปอยู่บนรถคันนั้นหรอก”
“ตอนแรกก็กดดันในฐานะที่เราเป็นตัวแทนจาก SEA ทีมเดียว ที่ต้องทำให้พวกเขารู้ว่า ทีมฝั่งเราแข็งแกร่ง แต่ไปถึงก็ยังทำได้ไม่ดีพอ จริงๆเราเองก็ยังไม่มั่นใจขนาดนั้นด้วย เพราะยังซ้อมไม่เข้ามือ เราโดนทีมจาก EU นวดเป็นเด็กเลย เราคิดว่า แผนเขาดีมากๆก็เลยเปลี่ยนสไตล์การเล่นตอนไปที่นั่น แต่กลายเป็นว่า เกือบทุกทีมเล่นสไตล์ EU เราเลยโดนอ่านเกมออกหมดเหมือนเราตัดสินใจเลือกผิดพลาดที่ไปเปลี่ยนสไตล์ทุกอย่างตรงนั้น”
X10 เริ่มต้นด้วยความกดดัน ส่งผลต่อฟอร์มการเล่นตั้งแต่เกมแรกที่พบกับ Team Vikings จากบราซิล ก่อนแพ้ไป 0-2 แต่ลงไปแก้ตัวสายล่างเอาชนะ Crazy Raccoon ตัวแทนจากญี่ปุ่น 2-0 ทว่าโคจรมาพบของแข็งอย่าง Fnatic ก่อนพ่ายไป 0-2 ปิดฉากอันดับ Top 8 ของรายการ
แม้จะตกรอบ แต่ชื่อของ X10 กลับถูกพูดถึงอย่างมาก เพราะพวกเขาสร้างสีสันในสนามแข่งได้น่าสนใจด้วยลีลาเปิดตัวกวนๆ รวมถึงแอคชั่นในตอนแข่ง แต่สำคัญที่สุดคือฝีมือที่พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทีมจาก SEA ก็มีดีไม่แพ้ใคร ตรงตามเป้าหมายของที่เคยกล่าวไว้ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ ยิ่งกว่านั้นยังถูก Tenz ยอดโปรเพลเยอร์คนดังของ Sentinels แชมป์รายการนี้เคยเอ่ยปากชมมาแล้ว
หลังจบศึก VCT 2021: Stage 2 Masters – Reykjavík ทีมและสมาชิก X10 กลายเป็นที่รู้จัก และเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่วงการ Valorant ของไทย
“พวกผมภูมิใจนะ เหมือนเราไปเขียนประวัติศาสตร์เอาไว้ ไม่มีใครมาสร้างตรงนี้ได้อีกแล้ว เพราะมันเป็นครั้งแรก เราได้ไปเล่นใน Lan ครั้งแรก ผมภูมิใจในเพื่อนๆทุกคนที่สร้างประวัติศาสตร์ให้โซนบ้านเรา และกับเกมด้วย ภูมิใจที่ทำได้มากถึงขนาดนี้”
หักปากกาเซียน
ในศึก VCT Stage 3 – Challengers SEA ฝั่ง X10 ต้องใช้โค้ช Zeus ลงแข่งขันแทน Patiphan ที่บาดเจ็บข้อมืออักเสบ ก่อนจะพลิกล็อกตกรอบ และพลาดตั๋วลงเล่น VCT 2021 : Stage 3 Masters – Berlin แบบเหนือความคาดหมาย
อย่างไรก็ตามทีมพร้อมสมาชิก X10 ทำคะแนนเป็นอันดับหนึ่งจากการสะสมคะแนนของการแข่งขันตลอดทั้งปีของโซน SEA คว้าสิทธิ์เป็นตัวแทนร่วมศึก VALORANT Champions 2021 ซึ่งเป็นรายการชิงแชมป์โลกที่ใหญ่ที่สุดของปีโดยอัตโนมัติ พร้อมกับ FULL SENSE อีกหนึ่งสังกัดอีสปอร์ตสัญชาติไทย ที่คว้าโควตาตัวแทนโซน APAC
“ผมรู้กันก่อนหน้านั้นแล้วว่า ปั้น(Patiphan) จะไปแข่ง Overwatch เราคุยกันว่า รอบที่แล้วผลเป็นอย่างไร แต่รอบนี้เราจะเล่นแบบไม่มีความกดดัน เรารู้ว่าเราต้องทำอะไร เอาตรงนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ เล่นให้สนุกที่สุด ถ้าเครียดมากจะเล่นไม่ออก เราเปลี่ยนความคิด ขึ้นไปเล่นให้เหมือนซ้อมที่บ้าน แพ้ชนะไม่มีอะไรอยู่แล้วถ้าเราทำเต็มที่ เพราะเป็นรายการสุดท้ายของปั้นด้วย”
“เราอยากเล่นให้สนุก มันเลยกลายเป็นภาพที่ได้เห็นกันว่า พวกผมขึ้นไปเล่นด้วยความสนุก ทุกคนสนุกจะเห็น foxz ยิ้มตลอดเวลา ถ้าเทียบภาพสองภาพรายการนี้กับตอนไอซ์แลนด์ มันคนละเรื่องกันเลย ผมวางเป้าหมายว่าครั้งนี้จะจบอันดับ Top8 แต่ตอนนั้นพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอก”
X10 ออกสตาร์ทไม่ดีนัก เมื่อเริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้ต่อ Team Envy ยักษ์ใหญ่ NA ที่มีดีกรีรองแชมป์ VCT 2021: Stage 3 Masters – Berlin ทำให้สถานการณ์ของทีมเสี่ยงต่อโอกาสตกรอบ หากไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งในเกมต่อไป
“ตอนแพ้ Team Envy รอบแรก เรามานั่งดูข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น นั่งจี้ปมตัวเองจนรู้ว่า พลาดตรงไหน อย่างปั้นบอกผมว่า พี่พูดน้อยในเกมแรก ผมก็โอเคจะปรับตรงนั้น จากนั้นเราก็แค่เล่นให้สบายกว่านี้เล่นไม่อึดอัดคิดไว้ว่า แพ้ก็ได้ชนะก็ได้ไม่เป็นไร”
“พอเจอ Team Envy อีกหนเขาแบนแมพเข้าทางเขาหมด โค้ชเขาเก่งอ่านเราขาด เราไม่ได้ซ้อม Split เพราะรู้ว่าเป็นด่านสองที่เขาจะเลือก เป็นด่านที่เขาเก่ง เล่นชนะแน่นอน แต่เขาไม่ค่อยเลือก เราเลยซ้อมด่านอื่น แต่พอรอบสองที่เจอกันเขาก็เลือกเลย”
แม้จะเริ่มต้นไม้ดี แต่ทีม และ X10 ไม่ยอมให้คู่แข่งมาหยุดเส้นทางพวกเขาได้ง่ายๆ หลังจากแก้ไขข้อผิดพลาด X10 เดินหน้าถล่ม Keyd Stars 2-0 ก่อนจะได้ล้างตา Team Envy ซึ่งเป็นเกมชี้ชะตาทั้งสองทีม หากใครชนะจะเข้ารอบทันที ส่วนทีมแพ้ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้าน
ในแมพแรก Team Envy ออกนำไปก่อนหลังชนะด้วยสกอร์ 13-10 Round ต่อมาในแมพ Split ฝั่ง X10 ยังเล่นหลุดฟอร์มจนโดนขึ้นนำ 0-5 แต่กลับสามารถแซงขึ้นมาเป็นฝ่ายนำ 8-6 โดย Round ที่ 18 ทีมโชว์ความโหด ฉายเดี่ยวเก็บคนเดียว 4 คนรวด พาทีมขยับทิ้งห่าง และแซงปิดเกม 13-8 กระทั่งแมพสุดท้ายกลายเป็น X10 ที่คว้าชัยไปครองผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟสำเร็จ พร้อมส่ง Team Envy ตกรอบแบบเหนือความคาดหมาย
ลบคำดูถูก
ชัยชนะเหนือทีมยักษ์ใหญ่ของวงการอีสปอร์ตไม่เพียงแต่สร้างความมั่นใจให้กับทีม และ X10 แต่ยังทำให้พวกเขาได้พิสูจน์ฝีมือให้บางทีมที่เคยดูถูกให้เห็น
“ก่อนหน้าที่จะเจอ Team Envy ครั้งแรกเราเคยซ้อมกับ Navi มีผู้เล่นของเขาคนหนึ่ง เราเจอเขา 3-4 รอบ ซ้อมกันมาหนักมากจนแข็ง เจอเขา 3 รอบ เล่น 24 Round เต็ม ทีมเขาไม่เคยได้เกิน 10 wins เขาเป็นทีมใหญ่ของที่นั่นก็เหมือนหงุดหงิดที่สู้เราไม่ได้”
“พอซ้อมเกมสุดท้ายที่เจอเขาก่อนแข่งกับ Team Envy รอบสอง เราวิ่งไปยิงเขาถึงในฐาน แต่มันเป็นแผนของเราอยู่แล้ว เขาหัวเสียก็พิมพ์มาว่า ขอให้ทำแบบนี้ให้ได้ในแข่งนะ เล่นยังไม่จบเขาก็กดออกจากเกมไปเลย เหมือนดูถูกเราไปแล้ว ตอนแข่งกับ Team Envy ครั้งแรกเลยมีความกดดันสำหรับผม เพราะอยากทำให้รู้ว่า ที่เราเล่นชนะเขา เพราะพวกเขาเองไม่ใช่เรา แต่ด้วยความกดดันทำให้แพ้ Team Envy ในครั้งแรก”
“น้องปั้นแคปที่เขาพิมพ์ไว้เพื่อรอเอาไปโพสต์ลงทวิตเตอร์ในตอนเราชนะ Team Envy แล้วปรากฏว่า เราชนะจริงๆก็เลยโพสต์ลงว่า ทำได้แล้วนะ แล้วทีมเขาก็มาแสดงความยินดีด้วย ก็รู้สึกว่า ลบคำสบประมาทได้ เป็นสิ่งที่ทำให้ผมภูมิใจในส่วนหนึ่งตรงนั้น”
X10 ผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟไปพบกับ Gambit Esports ที่เพิ่งคว้าแชมป์ VCT 2021: Stage 3 Masters – Berlin และเคยซ้อมมือด้วยกันก่อนเริ่มต้นรายการนี้ เกมอาจจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ X10 แต่ตลอดการแข่งขัน พวกเขาสู้ได้อย่างสูสี และเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของทีมดังจากประเทศไทยบนเวทีชิงแชมป์โลก
“หลังจากชนะ Team Envy มันคือโบนัสแล้ว เราเล่นแบบไม่กดดัน ตอนเจอ Gambit Esports ก็ไม่ได้พอใจกับฟอร์มการเล่นมากนัก เพราะรู้สึกว่า เราชนะเขาได้ แต่เขาอ่านเกมเรารู้เราทุกอย่างเลยเล่นลำบาก ถ้าเรามีโอกาสเล่นด่านอื่นมากกว่านี้ เราน่าจะเข้ารอบได้ แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของเกมที่เราไม่มีตัวเลือกเยอะในการซ้อมก็เป็นคู่มือที่ดีมากๆ”
“จริงๆตั้งแต่เราชนะ Team Envy ทุกคนรู้แล้วว่า เรามีดีกว่าที่คิดไว้ เราต้องเก่งขึ้นกว่านี้อีก เรามีประสบการณ์ชนะทีมใหญ่มาแล้ว มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีใครทำได้ง่ายๆก็เอาตรงนั้นมาพัฒนาในครั้งต่อไปดีกว่า ถ้าวัดตามตรงก็เหมือนเราทำให้เขาต้องกลับบ้านไปเลยกับเงินเดือนของผู้เล่นที่ห่างกัน 10 เท่า”
สร้างชื่อให้โลกจำ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีม และสมาชิก X10 สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อวงการ Valorant ประเทศไทยอย่างมาก จากเดิมที่ยังไม่นิยมมากนัก แต่ปัจจุบันกลับมีคนหันมาสนใจมากขึ้น และส่วนใหญ่เริ่มต้นจากตามเชียร์ X10
“คนมาดูเราสตรีมเยอะขึ้น ถ้าเทียบกับตอนไปไอซ์แลนด์มีมากถึง 3 เท่าได้เลย ส่วนเกมก็ได้รับความนิยมมากขึ้น คนสนใจมาดูแข่งกันเยอะ คนอยากมาแข่งจริงจังก็มีเยอะขึ้นด้วย มันจะทำให้การแข่งในบ้านเราเข้มข้นมากขึ้น”
“ผมเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ไปแข่งขันด้วยความต้องการอยากแสดงฝีมือของคนไทยให้ทั่วโลกเห็น ทั้งจากคำสบประมาทที่ได้รับ รวมถึงทุกการกระทำที่พวกผมเคยเจอมา ทำให้ผมรู้สึกว่า คนที่ตั้งใจมาแข่งไม่ควรเจอ เขาควรได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้ เห็นคุณค่าของพวกเรามากกว่านี้อยากให้ทุกคนเก่งกว่านี้ เพื่อให้เห็นว่าทีมจากบ้านเราน่ากลัวนะ”
“พวกผมไม่ได้แข่งกันยันอายุ 90 ปี มันก็ต้องมีรุ่นใหม่ขึ้นมาแทน ที่พวกผมทำเป็นอะไรที่คงจะพัฒนาให้เด็กๆของเรา หรือผู้ใหญ่ในสังคมเห็นว่า มันเป็นช่องทางทำมาหากินในอนาคตได้ด้วย มันเป็นโอกาสที่คนอื่นควรได้รับ เลยอยากให้เราเป็นตัวแทนทีมแรกที่ทำให้วงการมันเติบโตขึ้น”
จากผลงานของ X10 ในสองรายการใหญ่ที่ผ่านมาทำให้ดึงดูดผู้คนให้สนใจ Valorant ในไทยมากขึ้น แต่หลังจบรายการ VALORANT Champions 2021 ทีม และสมาชิกที่เหลืออีก 3 คน ตัดสินใจแยกทางกับต้นสังกัดเพื่อเริ่มต้นใหม่ในปี 2022 กับเป้าหมายเดิมที่ต้องการกลับไปโชว์ฝีมือในศึกชิงแชมป์โลกอีกครั้ง และทุกครั้งเขาตั้งมั่นว่า จะต้องเก่งกว่าเดิม
เพราะทุกครั้ง เขาลงเล่นในฐานะโปรเพลเยอร์คนไทย ในฐานะทีมจากประเทศไทย และในฐานะตัวแทนจาก SEA
“พวกผมได้ประสบการณ์มาเยอะในปีที่ผ่านมา ปีนี้เราจะมีความยืดหยุ่นในหน้าที่ของแต่ละคนมากขึ้น เช่นแต่ก่อนเรารู้ว่า อาจจะต้องไม่เปลี่ยนเอเจนท์ตัวนี้ ต้องเล่นตัวนี้ แต่ตอนนี้เราต้องเปลี่ยน เราต้องลองอะไรมากขึ้นเพื่อเป็นการทดสอบว่าดีหรือไม่ดี เราจะไม่ยึดติดกับอะไรเดิมๆ เราจะเปลี่ยนไปลองสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา เพราะเกมนี้มันคือการทำให้คู่แข่งจับทางไม่ได้ถึงจะเป็นอะไรที่น่ากลัว”
“ผมอยากกลับไปตรงนั้นมาก เพราะรู้สึกว่า พอได้ไปมาแล้ว ครั้งถัดไปเราจะเก่งขึ้นกว่าเดิม เราจะได้โชว์ศักยภาพมากกว่าเดิม การไปทุกครั้งเราได้พัฒนาไปเรื่อยๆ และเรายังคงไลน์อัพ 4 คนเหมือนเดิม และ 4 คนนี้ก็จะเก่งขึ้นกว่าการไปรอบเบอร์ลินที่ผ่านมาอีก” ทีม ทิ้งท้าย
ล่าสุดการผจญภัยครั้งใหม่ของ Crws กำลังจะเริ่มต้นเมื่อเขาและ เพื่อนร่วมทีมอย่าง foxz, sushiboys และ sScary รวมถึงโค้ช Zeus ย้ายไปร่วมทัพ XERXIA แบบยกทีม พร้อมด้วย SURF ที่จะเข้ามาเป็นหนึ่งในไลน์อัพของทีมที่ขาดหายไปได้ เพื่อลุยศึกVALORANT Champions Tour Thailand 2022 Stage 1 ที่ถือเป็นทัวร์แรกของปีนี้
อ่านเพิ่ม: จากปาก LAMMYSNAX : ในวันที่ FULL SENSE ลบคำดูถูกสู่เวทีระดับโลก
