แม้ว่าแฟนๆยังต้องรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ League of Legends: Wild Rift ไปก่อน แต่ในช่วงเวลานี้ถือว่ายังเป็นช่วงที่ดีสำหรับการศึกษาระบบการเล่นต่างๆ และโหมดสำคัญคือโหมดอันดับที่ควรรู้ไว้ก่อนลุยเต็มตัว
- HAK โชว์คลิปร่วมทดสอบ Wild Rift แฟนแซวอยากเห็นดวล FAKER
- รองรับผู้เล่นเพิ่มขึ้น ! Wild Rift เปิด Closed Beta รอบ 2 พรุ่งนี้ พร้อม 2 ชาติใหม่
จะปลดล็อคระบบโหมดจัดอันดับได้อย่างไร ?
ก่อนอื่นเลยผู้เล่นจะต้องเล่นโหมดธรรมดาเพื่อเก็บเลเวลไปจนถึงเลเวล 10 ก็จะสามารถปลดล็อคโหมดจัดอันดับได้แล้ว ถ้าเป็น LoL จะต้องเล่นไปจนถึงเลเวล 30 และ มีแชมเปี้ยนส์ 20 ตัวอย่างน้อย
สรุปง่ายๆก็คือคนที่อยากไต่แรงค์ต้องขยันเล่นโหมดธรรมดาหน่อยไม่นานก็ปลดล็อคเอง
อันดับท้ังหมด ?
อันดับทั้งหมดในเกม Wild Rift ทั้งหมดเรียงจากต่ำไปสูงสุด
- Iron
- Bronze
- Silver
- Gold
- Platinum
- Emerald
- Diamond
- Master
- Grandmaster
- Challenger
สำหรับคนที่เล่น LoL ใน PC มาคงคุ้นกับอันดับนี้เป็นอย่างดียกเว้นแต่ Emerald ที่ถูกแทรกเข้ามาระหว่าง Platinumและ Diamond
“เราเพิ่ม Emerald เข้ามาระหว่าง Platinumและ Diamond เพื่อที่จะกรองความสามารถของผู้เล่นให้ได้มากขึ้น” Ed “MartianSpider” Knapp ซีเนียร์เกมดีไซน์เนอร์กล่าวอธิบายเพิ่ม
ดาวของแต่ละขั้น
ลำดับดาวของแต่ละขั้นมีความซับซ้อนกว่าเกมอย่าง RoV ที่เกมเมอร์บ้านเราคุ้นเคยพอสมควร โดยในระดับ Emerald และต่ำกว่าจะได้ดาว 1 ดวงเมื่อชนะ และเสีย 1 ดวงเมื่อแพ้ สำหรับระดับ Iron ไปจนถึง Bronze เมื่อแพ้ 1 เกมจะยังไม่เสียดาวทันที ส่วนในระดับ Silver ไปถึง Emerald จะเสีย 1 ดาวเมื่อแพ้ทันที
นอกจากนี้ในแต่ละขั้นจะต้องเก็บจำนวนดาวที่ไม่เท่ากันเพื่อเลื่อนขั้นโดยจำนวนดาวที่เก็บเพื่อเลื่อนขั้นจะสูงขึ้นไปตามขั้น
- Iron (IV, III, II, I) – ต้องการ 2 ดาว เพื่อเลื่อนขั้น
- Bronze (IV, III, II, I) – ต้องการ 3 ดาว เพื่อเลื่อนขั้น
- Silver (IV, III, II, I) – ต้องการ 3 ดาว เพื่อเลื่อนขั้น
- Gold (IV, III, II, I) – ต้องการ 4 ดาว เพื่อเลื่อนขั้น
- Platinum (IV, III, II, I) – ต้องการ 4 ดาว เพื่อเลื่อนขั้น
- Emerald (IV, III, II, I) – ต้องการ 5 ดาว เพื่อเลื่อนขั้น
และจำนวนดาวจะไม่ถูกริบคืนแม้ว่าผู้เล่นจะไม่ค่อยได้เล่นในโหมดจัดอันดับ
คะแนนพิเศษ
ในเกม Wild Rift โหมดจัดอันดับจะมีคะแนน Fortitude ที่จะแสดงเป็นแถบล่างลำดับขั้นของผู้เล่น โดยคะแนนดังกล่าวจะได้มาจากการเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง หรือการโชว์สกิล และการเล่นต่อไปแม้ว่าเพื่อนร่วมทีมจะทำการ AFK ออกไปแล้ว เมื่อเราเก็บคะแนน Fortitude ได้เต็มแถบเท่ากับจะได้ 2 ดาว นอกจากนี้ยังมีคะแนน Victory พอยท์สำหรับ ผู้เล่นในระดับ Diamond ขึ้นไปโดยทุก 100 คะแนนที่เก็บได้หมายถึงการเลื่อนขั้นซึ่งคะแนนส่วนมีมาจากหลายปัจจัยแต่ไม่เหมือนกับการจัดอันดับคะแนนตรงนี้สามารถหายไปได้
การเลื่อนขั้น
คล้ายกับเกม RoV เมื่อเลื่อนขั้นขึ้นไปยังขั้นต่างๆที่สูงกว่าผู้เล่นจะได้คะแนนดาวโบนัส และหากแพ้ในเกมแรกที่ลงเล่นในอันดับใหม่ก็จะยังไม่ร่วงลงไปขั้นเดิมในทันที นอกจากนี้ คะแนน Fortitude จะไม่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลื่อนขั้น
ระบบจับคู่
ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าอยากจะเล่น คนเดียว เป็นคู่ สามคน หรือพร้อมกันทั้งทีมได้ คล้ายกับ RoV และระบบจะจับคนที่เข้าโหมดจัดอันดับแบบ solo เข้าด้วยกัน หรือคนที่เข้าแบบ 3 คนพร้อมกัน ก็มีโอกาสที่จะเจอกับทีม 3 คนฝั่งตรงข้ามเช่นกัน ตัวอย่างเช่น 1-1-1-1-1 vs 1-1-1-1-1; 2-2-1 vs 2-2-1; 3-2 vs 3-2 สำหรับการจับคู่แบบทีมผู้เล่นจะต้องมีอันดับขั้นห่างกันไม่เกิน 1 อันดับ