ถือเป็นครั้งแรกที่เกมเมอร์จะได้เข้าสู่โลกของ League of Legends ในแบบมือถือหลังจากที่ทำการเปิดตัว League of Legends: Wild Rift ในแบบ Closed beta เรียบร้อยแล้ว ซึ่งภูมิภาคอาเซียนจะได้เริ่มเล่นก่อนใคร จากข่าวที่ได้ยินได้ฟังมาหลายคนน่าจะพอทราบว่าเกมนี้จะเป็นเกมแนว Moba ในมือถือและนี่คือสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนที่จะเล่น
- อาเซียนลุยก่อน! Wild Rift เปิดให้เล่นแบบ closed beta ได้แล้ววันนี้
- คืนสนาม! Team Flash ปรับทัพส่ง Gấu ลงแข่งช่วยทีมลุย AOG 2020
สำหรับ Wild Rift คือเกมที่ถอดแบบมาจาก League of Legends เพื่อมาลงในระบบสมาร์ทโฟน โดยมีขนาดแผนที่ที่เล็กกว่า เหมือนเกม Moba ทั่วๆไป ที่สามารถเล่นในระบบ 5v5 ได้ เป้าหมายของคุณคือทำลายสิ่งก่อสร้างของฝ่ายคู่ต่อสู้ที่จะอยู่ตรงข้ามกับคุณในแผนที่
และสิ่งที่เหมือนกับเกม Moba ในมือถือทั่วๆไปคือจะแบ่งทีมเป็นทีมสีน้ำเงินและแดงในทุกๆเกม และคุณจะได้เล่นอยู่ในทีมน้ำเงินที่อยู่มุมล่างของจอเสมอ ส่วนการควบคุมทิศทางจะอยู่ทางซ้าย และสกิลต่างๆจะอยู่ทางขวามือของคุณ
ในส่วนของเลน Wild Rift จะมีด้วยกัน 3 เลน ล่าง กลาง และ บน และมีพื้นที่ป่า มอนเตอร์ป่า และครีบที่จะเดินออกมาเรื่อยๆ แชมเปี้ยนส์จะมีหน้าที่แตกต่างกันไปในทีม
แชมเปี้ยนส์และคลาส
เกมอื่นๆอาทิ RoV หรือ Dota2 อาจจะเรียกตัวละครของผู้เล่นว่าฮีโร่แต่ใน Wild Rift จะเรียกว่าแชมเปี้ยนส์ ซึ่งมีการประการออกมา 42 ตัวก่อนหน้านี้ โดยมีตัวที่เพิ่มมาใหม่อีก 6 ตัวระหว่างช่วง Closed Beta ได้แก่ Amumu, Sona, Varus, Dr Mundo, Singed และ Jarvan IV ซึ่งจะมาจาก League of Legends เวอร์ชั่น PC โดยที่ชื่อและสกิลจะเหมือนกันแค่เปลี่ยนรายละเอียดบางอย่างเท่านั้น ซึ่งตรงนี้อาจจะทำให้คนที่เล่น LoL มาก่อนได้เปรียบเล็กน้อย
เกม Moba ทั้งหมดจะมีแชมเปี้ยนส์ที่มีหน้าที่แตกต่างกันออกไป และจะได้เล่นแต่ละเกมแบบแตกต่างกัน สำหรับเกม Wild Rift ฮีโร่จะถูกแบ่งเป็นสายตีใกล้ หรือว่าไฟเตอร์ที่เหมาะกับการเล่นในท็อปเลนหรือในป่า ต่อมาจะเป็นนักเวทย์ที่เหมาะจะเล่นในเล่นกลางเพราะเป็นเลนที่สั้นที่สุดและอยู่ใกล้กับป้อมตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีแอสซาซิน ที่จะอยู่เลนกลางและคอยเติมเต็มสิ่งที่นักเวทย์ขาด
และแชมเปี้ยนส์อีกประเภทคือแครี่ที่จะทำดาเมจได้มากที่สุดในบรรดาประเภทอื่นๆ จะอยู่ที่เลนล่างโดยจะมีความสามารถที่จะช่วยให้ทีมชนะในการทำลายสิ่งก่อสร้างจากดาเมจที่ทำได้อย่างมากมายนั่นเอง
รูน และ ซัมมอนเนอร์ สเปล
สำหรับคนท่ีเล่นเกม Moba อย่าง RoV น่าจะคุ้นเคยกับรูนมาบ้าง ซึ่งในเกมนี้มีการดัดแปลงมาจาก League of Legends ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถให้แชมเปี้ยนส์โดยที่จะต้องเลือกเอาไว้ก่อนที่จะเข้าเกม
นอกจากนี้ยังมีพลังเวทย์ Summoner Spells ที่สามารถเลือกได้ก่อนที่จะเข้าเกมเล่นกัน โดยสามารถเลือกได้ 2 พลังเวทย์ อาทิพลังที่สามารถวาร์ปแชมเปี้ยนส์ของคุณในระยะทางสั้นๆได้คล้ายๆกับ Flicker สำหรับ RoV นั่นเอง
ไอเท็ม
สำหรับเกม League of Legends คุณจะสามารถซื้อไอเท็มได้ก็ต่อเมื่อคุณกลับไปท่ีน้ำพุเท่านั้น สำหรับเกม Wild Rift นั่นก็ไม่แตกต่างกัน คือคุณจะสามารถซื้อไอเท็มได้ก็ต่อเมื่อกลับไปที่น้ำพุเท่านั้น หมายความว่าทุกครั้งที่คุณวาร์ปกลับบ้านคุณจะต้องคิดคำนวณและวางแผนระหว่าง HP ที่เหลือกับเงินที่จะใช้ซื้อไอเท็มทุกการกลับน้ำพุจะต้องมีความหมาย
บัฟ
เมื่อตอนเริ่มเกมแชมเปี้ยนส์จะไปยังจุดเลนของตัวเองยกเว้นตำแหน่งป่าของทีมที่อาจจะเริ่มจากบัฟสีแดงและน้ำเงิน เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถและยังทำเงินให้ด้วย นอกจากนี้ยังมีมังกรที่อยู่ระหว่างกลางของแผนที่ ที่จะเกิดหลังจากเริ่มเกมไปซักระยะที่หากสังหารได้ทั้งทีมจะได้โบนัส และยังมี บารอนที่อยู่ตรงกลางเช่นกัน ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้คือสิ่งที่ผู้เล่นโดยเฉพาะตำแหน่งป่าจะต้องให้ความสำคัญ
Fog of war และ trinkets
สิ่งที่สามารถตัดสินแพ้ชนะในเกม Moba ได้คือข้อมูลที่สำคัญในการเสาะการศัตรูที่อาจจะแอบอยู่ในมุมมืดของเกมซึ่ง Wild Rift นั้นจะมี trinkets ที่แชมเปี้ยนส์จะได้เหมือนโคมไฟที่ถืออยู่กับตัวและสามารถโยนเข้าไปยังพื้นที่ที่ยังไม่ถูกสำรวจ ในพงหญ้า หรือป่า ตรงที่ไม่สามารถมองเห็นเพื่อใช้สอดแนมศัตรู หรือพูดง่ายๆว่าทำการเปิดพุ่มก่อนเพื่อดูว่ามีศัตรูที่แอบรออยู่หรือไม่ ซึ่งจะทำให้คุณได้เปรียบเกี่ยวกับการคอนโทรลแผนที่ในเกม
อ่านเพิ่ม: เหลือ 3 คน! Fnatic ประกาศแยกทาง iceiceice และ eyyou