Landon McDowell ผู้กำกับการควบคุมทางเทคนิคของ League of Legends: Wild Rift เกมแนว MOBA มือถือ ออกมาประกาศระงับการเข้าถึงของบริการ VPN สำหรับผู้เล่นที่อยู่นอกเหนือประเทศในกลุ่ม Open Beta เพื่อป้องกันการเสียหายของรูปเกม
Wild Rift ได้เปิดบริการเต็มรูปแบบสำหรับ 7 ประเทศซึ่งประกอบด้วย อินโดนีเซีย ,ญี่ปุ่น ,มาเลเซีย ,ฟิลิปปินส์ ,สิงคโปร์ ,เกาหลีใต้ ประเทศไทย มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามผู้ดูแลยอมรับว่าพบผู้เล่นจำนวนมากที่ใช้บริการ VPN เข้ามาเล่นซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้เล่นอื่น
“เราสังเกตถึงปัญหาหลาย ๆ อย่างในเกมที่เกี่ยวข้องกับผู้เล่นที่ใช้ VPN เพื่อเข้าเล่นเกมจากภูมิภาคอื่นที่ไม่ได้อยู่ในเบต้าปัจจุบันของเรา ปัญหาที่พบมีตั้งแต่ความไม่สะดวก (เช่น ปัญหาด้านการสื่อสารเพราะภาษาที่ต่างกัน) ไปจนถึงปัญหาที่ทำให้รูปเกมเสียหาย (เช่น ทำให้เพื่อน ๆ ในเกมทุกคนแลคเหมือนกันหมด ไม่ใช่เฉพาะผู้เล่นที่ใช้ VPN)”
“เราพบว่าการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือระงับการเข้าถึงของบริการ VPN ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดจากภูมิภาคอื่นที่ไม่ได้อยู่ในเบต้าปัจจุบัน ซึ่งจะมีผลทันที เราจะคอยติดตามดูว่า บริการ VPN อื่น ๆ จำเป็นต้องถูกระงับการเข้าถึงเพิ่มเติมอีกหรือไม่ในอนาคต”
ทั้งนี้ Landon ยืนยันว่าสำหรับผู้เล่นที่อยู่ในกลุ่มประเทศ Open Beta อยู่แล้วแต่ใช้ VPN ในการเล่นจะไม่ถูกบล็อกจากกรณีนี้ แต่ถ้าพบปัญหาใดสามารถติดต่อฝ่ายซัพพอร์ตเพื่อแก้ไขได้
อ่านเพิ่ม : เส้นทางใหม่! HAK ประกาศลา RoV โยกเล่น Wild Rift